วันเสาร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2553

[12th] back to beginning

แสงแดดสีส้มที่สาดส่อง

เสียงลมหายใจ

เธอยังจำได้มั้ย?

----------------------

กับวันเวลาที่ผ่านมา

ใบไม้ที่แห้งกรอบ ร่วงหล่นลงตรงหน้า

ตัวชั้นยืนอยู่บนเส้นทางเดิม

หน้ากากนั้นยังอยู่บนใบหน้า

แต่ภายใต้หน้ากากนั้น

ใครจะรู้บ้าง ถึงความรู้สึกที่แท้จริง

----------------------

ชั้นเลิกที่จะมองท้องฟ้า

แล้วก้มหน้ามองพื้นดิน

หน้ากาก ที่สวมอยู่ หลุดร่วงและแตกกระจาย

น้ำตาที่ซ่อนไว้ พรั่งพรูออกมา


----------------------

ทุกอย่างที่ซ่อนไว้

ชั้นบอกเธอไปแล้ว

ทุกอย่างที่ทำได้

ชั้นให้เธอไปแล้ว

----------------------

แต่มันกลับเหลือเพียงความเจ็บปวด

----------------------


วันเวลา ยิ่งผ่านไป

ความเจ็บปวดยิ่งอัดแน่น

เพราะเมื่อชั้นพยายามไปแล้ว

สิ่งที่ได้กลับมาคือ ความว่างเปล่า

----------------------

เมื่อไหร่เธอจะหันมา

คนที่ยืนอยู่ข้างเธอ

วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Tattoo - Jordin Sparks [แปลเล่นๆ]

oh oh oh

No matter what you say about love
I keep coming back for more
Keep my hand in the fire
Sooner or later I get what I’m asking for

มันไม่มีผลอะไรแล้ว ที่เธอจะพูดถึงความรัก
ชั้นกลับมาเพื่อเรียกร้องมันมากขึ้น
และก็คอยหาต่อไป
สุดท้ายชั้นก็ต้องได้ในสิ่งที่ชั้นต้องการอยู่ดี



No matter what you say about life
I learn every time I bleed
The truth is a stranger
Soul is in danger I gotta let my spirit be free
To admit that I’m wrong and then change my mind
Sorry but I have to move on and leave you behind

มันไม่มีผลอะไรหรอกที่เธอจะพูดถึงชีวิต
ชั้นเรียนรู้มันทุกขณะที่เลือดชั้นยังไหลเวียน
ความจริงก็เหมือนคนแปลกหน้า จิตใจก็ยังอยู่ในอันตราย สับสนวุ่นวาย
ชั้นคงต้องปล่อยให้มันเป็นอิสระซะที

ชั้นยอมรับนะว่าชั้นผิด แต่แล้ว ชั้นก็เปลี่ยนใจ
ขอโทษนะ ที่ชั้นต้องทิ้งเธอไว้เบื้องหลังแล้วก้าวเดินต่อไป

**I can’t waste time so give it a moment
I realize nothings broken
No need to worry about everything I’ve done
Like every second like it was my last one
Don’t look back got a new direction
I loved you once, needed protection
You’re still a part of everything I do
You’re on my heart just like a tattoo
Just like a tattoo
I’ll always have you (I'll always have you)

ชั้นเสียเวลาอีกไม่ได้แล้ว งั้นเธอให้เวลาชั้นซักนิดได้มั้ย?
ฉันรู้นะว่าไม่ได้มีอะไรเสียหาย
ไม่ต้องห่วงหรอกถึงสิ่งที่ชั้นทำลงไป
เพราะว่าชั้นทำเหมือนมันเป็นวินาทีสุดท้ายของชั้น

อย่ามองย้อนกลับไป มองหาสิ่งใหม่ๆเถอะ
ชั้นเคยรักเธอนะ เคยต้องการให้เธอปกป้อง

เธอยังเป็นส่วนหนึ่งของทุกสิ่งทุกอย่างที่ชั้นทำ
เธออยู่ในหัวใจชั้น เหมือนรอยสักบนผิวหนัง
เหมือนกับรอยสัก
ชั้นจะยังมีเธออยู่เสมอ (ชั้นจะยังมีเธออยู่เสมอ)**

Sick of playing all of these games
It’s not about taking sides
When I looked in the mirror didn’t deliver
It hurt enough to think that I could stop
Admit that I’m wrong and then change my mind
Sorry but I’ve gotta be strong and leave you behind

ชั้นเบื่อแล้วที่จะเล่นตามเกม
มันไม่เกี่ยวหรอกว่าจะอยู่ข้างไหน
เวลาที่มองเข้าไปในกระจก มันไม่ได้บอกอะไรชั้นเลยหรอกนะ
แต่มันเจ็บมากพอที่ทำให้ชั้นคิดว่าควรหยุดได้แล้ว

ชั้นยอมรับนะว่าชั้นผิด แล้วชั้นคิดใหม่
ขอโทษนะ แต่ชั้นต้องที่เธอไว้เบื้องหลังและเข้มแข็งขึ้น

Repeat **

If I live every moment
Won’t change any moment
There's still a part of me and you
I will never regret you
Still the memory of you
Marks everything I do, oh

ถ้าชั้นกลับไปใช้ชีวิตในเวลาช่วงนั้น
ชั้นก็จะไม่เปลี่ยนมันหรอกนะ
มันจะยังมีช่วงเวลาของเธอกับชั้น
ชั้นจะไม่ทำให้เธอเสียใจ
มันจะยังมีความทรงจำเกี่ยวกับเธอ
จะจดจำทุกสิ่งชั้นเคยทำ

Repeat ** twice




วันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2553

[11th] At midnight


เสียงลมที่พัดผ่าน

แสงพลุบนท้องฟ้า

หัวใจที่เจ็บปวด

-----------------------------------------

ชั้นยืนตรงนี้ ยืนมานานเท่าไหร่แล้ว

ยืนอยู่ข้างเธอ



เธอมองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน พร้อมยิ้มให้กับหมู่ดาว

ในใจเธอ ชั้นรู้ดีว่า ในนั้นมีใคร ใครซักคนที่ไม่เคยเป็นชั้น



ชั้นยืนตรงนี้ ยืนมานานเท่าไหร่แล้ว

ยืนอยู่ข้างเธอ



ชั้นก้มหน้ามองพื้นหญ้า แล้วมอบน้ำตาให้กับผืนดิน

ในใจชั้น เธอรู้ดีว่า ในนั้นมีใคร ไม่มีใครนอกจากเธอ


-----------------------------------------


วันคืนและแสงแดดที่หมุนเวียนเปลี่ยนผัน

ปฎิทินที่เปลี่ยนหน้าเรื่อยไป

กี่ครั้งแล้วที่ฉันรอคอย


-----------------------------------------

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

君がいるから (Kimi ga iru kara - เพราะมีเธอ) [Final Fantasy XIII Theme Song]

ชื่อเพลง: 君がいるから (Kimi ga iru kara - เพราะมีเธอ) [Final Fantasy XIII Theme Song]
ศิลปิน: 菅原紗由理 (Sugawara Sayuri)
อัลบั้ม: 君がいるから (Kimi ga iru kara)
-------------------------------------------------------

「泣いたっていいんだよ」 君が不意にそう言ってくれたから
"naita tte iin da yo" kimi ga fui ni sou itte kureta kara
อยู่ๆ เธอก็พูดออกมาว่า "อยากร้องไห้ ก็ร้องออกมาเถอะ"

なんだか嬉しくて 涙じゃなく笑顔がこぼれた
nandaka ureshikute namida jyanaku egao ga koboreta
คำพูดของเธอนั้นทำให้ชั้นกลับดีใจ ชั้นเลยยิ้มออกมา...แทนที่จะร้องไห้

不器用すぎる言葉で 君を傷つけてしまった
bukiyou sugiru kotoba de kimi wo kizu tsukete shimatta
แม้ว่าคำที่ออกมาจากปากของชั้นนั้นทำร้ายเธอ

それでも離れたりしないで 今もこうして支えになってくれてるんだ
soredemo hanaretari shinai de ima mo koushite sasae ni natte kureterun da
เธอก็ยังไม่จากชั้นไป ยังอยู่เคียงข้างชั้นจนถึงเวลานี้

きっと…
kitto...
ตลอดมา…


叶えたい願い 叶えたい夢
kanaetai negai kanaetai yume

ชั้นอยากให้ความหวังและความฝันของชั้นเป็นจริง

届けたい想いすべて
todoketai omoi subete
อยากส่งให้ความรู้สึกทั้งหมดที่มีไปที่เธอ

信じ続けることが奇跡を呼んで
shinjitsudukeru koto ga kiseki wo yonde

ขอให้เชื่อมั่นในปาฏิหาร์ยไว้... สักวันมันจะต้องเกิดขึ้น

未来に繋がって行くよ
mirai ni tsunagatte yuku yo
แล้วอนาคตของเราก็จะมาบรรจบกัน

ずっと ねぇずっと 見守っていて欲しい
zutto ne zutto mimamotte ite hoshii
ชั้นอยากให้เฝ้ามองชั้นจากนี้และตลอดไป...

Dear my friend


「君なら大丈夫だよ」 別れ際にそう言ってくれたから
"kimi nara daijoubu da yo" wakare kiwa ni sou itte kureta kara
ถ้าเป็นเธอล่ะก็ต้องทำได้แน่ … เธอพูดก่อนจะจากไป

感じてた孤独が その一言で綺麗に無くなった
kanjite ta kodoku ga sono hitokoto de kirei ni nakunatta

คำพูดของเธอนั้นทำให้ชั้นอุ่นใจ แม้ว่าชั้นจะต้องอยู่คนเดียวก็ตาม

新しい扉を開く それは誰でも恐くて不安だらけだけど
atarashii tobira wo hiraku sore ha dare demo kowakute fuan darake dakedo
การก้าวผ่านประตูบานใหม่ ที่ไม่เคยเจอมาก่อน ไม่ว่าใครก็ต้องกลัวกันทั้งนั้น


背中を押してくれた君を 思い出せば力が溢れてくるからね
senaka wo oshite kureta kimi wo omoidaseba chikara ga afurete kuru kara ne
แต่พอชั้นนึกถึงเธอ ก็รู้สึกเหมือนมีพลังอันเปลี่ยมล้นหลั่งไหลเข้ามาที่ตัวชั้น

素直な気持ち 譲れないもの
sunaona kimochi yuzurenai mono
ชั้นไม่มีวันลืมความรู้สึก...

正直な言葉すべて
shoujikina kotoba subete
และถ้อยคำอันซื่อตรงทั้งหมดของชั้น


声にして伝えることが出来たなら
koe ni shite tsutaeru koto ga dekita nara
และถ้าชั้นสามารถเอ่ยออกไปได้ทั้งหมดล่ะก็

未来は広がってゆくよ
mirai ha hirogatte yuku yo
อนาคตจะต้องสดใสกว่าเดิมแน่นอน

いつも そういつも 心に君が居るから
itusmo sou itsumo kokoro ni kimi ga iru kara
ใช่แล้ว … ก็เพราะว่าเธอนั้นอยู่ในใจของชั้นอยู่เสมอมา...

Dear my friend

// 間奏 - kansou - ท่อนบรรเลง //

立ち止まっても忘れそうになっても
tachitomatte mo wasuresou ni natte mo
แม้ว่าชั้นจะต้องหยุดเดิน แม้ว่าชั้นจะจะลืมเลือนบางสิ่งไป


何度も何度でも前を向いて行くと誓うよ
nando mo nando mo mae wo muite yuku to chikau yo
ไม่ว่าจะกี่ครั้งๆ ก็ตาม ชั้นสาบานว่า ชั้นจะเดินต่อไปข้างหน้า


見上げる空 光が差し込んでいる
miageta sora hikari ga sashikonde iru
เมื่อชั้นมองบนฟ้า มองแสงที่สาดส่องลงมา...

君にまた会える日まで (Ah...)
kimi ni mata aeru hi made (Ah...)
…จนกว่าจะได้พบกับเธออีกครั้ง... (ฮ้า...)

素直な気持ち 譲れないもの
sunaona kimochi yuzurenai mono
ชั้นไม่มีวันลืมความรู้สึก...


正直な言葉すべて
shoujikina kotoba subete
และถ้อยคำอันซื่อตรงของชั้นทั้งหมด


声にして伝えることが出来たなら
koe ni shite tsutaeru koto ga dekita nara
และถ้าชั้นสามารถเอ่ยออกไปได้ทั้งหมดล่ะก็... 


未来は広がってゆくよ
mirai ha hirogatte yuku yo
อนาคตจะต้องสดใสกว่าเดิมแน่นอน

願い 叶えたい夢
negai kanaetai yume
ขอ… ชั้นขอให้ความฝันของชั้นเป็นจริงด้วยเถอะ

とどけたい想いすべて
todoketai omoi subete
อยากส่งให้ความรู้สึกทั้งหมดนี้ไปที่เธอ

信じ続けることが奇跡を呼んで
shinjitsudukeru koto ga kiseki wo yonde

ขอให้เชื่อมั่นในปาฏิหาร์ยไว้... สักวันมันจะต้องเกิดขึ้น

未来に繋がって行くよ
mirai ni tsunagatte yuku yo
แล้วอนาคตของเราก็จะมาบรรจบกัน

ずっと ずっと 見守っていて欲しい
zutto zutto mimamotte ite hoshii

ชั้นอยากให้เฝ้ามองและปกป้องชั้นจากนี้และตลอดไป...

Dear my friend


credit : http://yak1zoba.exteen.com



วันอังคารที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

[Special Chapter] สั่งลา

แสงสว่างและความมืดหมุนเวียนเปลี่ยนไป
ราวกับเล่นซ่อนหาอย่างไม่รู้จบ

สุดสายตาของเธอกับฉัน
เส้นที่ลากผ่านนั้นแยกเราทั้งสองออกจากกัน

ตาที่เปรอะเปื้อนไปด้วย Eye liner นั้นได้ปล่อยให้น้ำตาสีดำพรั่งพรูออกมา
แสงสว่างที่สะท้อนในแววตา เป็นบันไดทอดยาวไปสู่ฟากฟ้า

แสงจันทร์ชโลมใจ นิ้วที่เกี่ยวกระหวัดคลายออก
คำว่าชั่วนิรันดร์ยังมีวันจางหาย ฉันอยากจะหยุดเวลานี้ไว้

ชั่วขณะกึ่งหลับกึ่งตื่น ความฝันและห้วงคำนึงถูกวาดขี้น
ลานเต้นรำของเรานั้น ดวงจันทร์ที่ลอยเด่นดุจดังบอลกระจก

ได้โปรดเถอะ แม้ว่าจะไม่ใช้ดวงดาวก็ตาม ขอให้คำอธิษฐานส่งไปถึงเธอที
หากต่างคนต่างต้องอยู่เพียงลำพังอย่างนี้ เราคงไม่มีวันได้พบกัน

ในกระจกคือสายฝนละอองดาวยังคงวนเวียนจากฤดูสู่อีกฤดู
อีกไม่นาน แสงสว่างจะพาดผ่านอดีตไปสู่วันใหม่
ฉะนั้น ตอนนี้ก็ลาก่อนนะ.

ถ้อยคำที่ถูกเอ่ยอย่างขาดห้วงด้วยความเศร้าที่มีมาเนิ่นนาน ชื่อของเธอล่องลอยไปในอากาศ
และชั้นก็ยังคงเพรียกหา ชั่วขณะนี้จะผ่านไปด้วยปีกอันแปดเปื้อนภายใต้ฟ้าหม่น

ผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว น้ำตาแห้งเหือดแต่บทเพลงยังคงเปียกปอน
มันจะยังคงบรรเลงต่อไปได้รึเปล่า? ถึงตอนนั้นฉันอยากให้เธออยู่เคียงข้าง

ต่อให้แสงจันทร์ลาลับไป มันก็จะยังคงอยู่ที่เดิมเสมอ
ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง บทสุดท้ายของความฝันยังคงส่องสว่างไปที่เธอ

เธอและชั้นดุจดั่งเบื้องหน้ากับเบื้องหลัง
แต่ถ้าเธออยากให้ชั้นอยู่ ชั้นก็จะอยู่

ในตอนนี้ มีแมวเร่ร่อนบางตัวบาดเจ็บและมองไปยังดวงจันทร์นั้น...เช่นเดียวกับชั้น




inspi' by Mirror Ball - Alice Nine
thx 2 Alice Nine FC
Adapt บางส่วน by 「!nSpi'_3」¹³


---------------------------------------------------------------
[สั่งลา]


ชั้นเป็นบ้าอะไร น้ำตาที่ไหลออกมาเป็นสีดำ เหมือนกับในเพลง


ในหลายค่ำคืนที่ผ่านมา ในความเงียบสงัด มีตัวชั้นที่ไม่เข้าใจอะไรเลยนั่งอยุ่

พร้อมหยดน้ำตาที่ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

ชั้นกำลังจะหนีปัญหา ซึ่งการหนีปัญหาครั้งนี้แม้แต่ตัวชั้นเองก็ว่างี่เง่า

ทั้งที่แค่พูดออกไป ชั้นก็จะสบายใจแล้ว ไม่ว่าผลออกมาอย่างไรก็ตาม

แต่ชั้นกลับไม่พูด


และสิ่งที่เห็นในวันนี้ คือ ความเจ็บปวดที่ได้เกิดขึ้น

สุดท้ายมันก็ได้กัดกินไปแล้วทั้งหัวใจและความสุขของชั้น

ชั้นอาจจะเลือกที่จะจากไป ชั้นคงต้องทิ้งความฝันของชั้นอีกครั้ง

อาจต้องเริ่มต้นใหม่กับสิ่งที่ไม่ได้รักเท่าที่ตอนนี้ทำอยู่


ชั้นนั่งอ่านนิยายรักหวานแหววที่ไม่คิดจะอ่าน ที่ยืมมาจากเพื่อน

แต่กลับนั่งร้องไห้ออกมาแบบไร้สาเหตุ

ที่ชั้นอ่านไปไม่เข้าหัวเลย กลับมีความคิดวุ่นวายบีบให้น้ำตาไหลออกมา


แต่ถึงแม้ว่าจะพูดออกมา แต่สิ่งที่อยากได้ยินมันคงไม่มีอีกแล้ว


เวลามันหมุนผ่านไป ถ้าชั้นเลือกย้อนได้ มันก็คงจะดี

วันเสาร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

[Special Chapter] ทางเลือก

เธอเพิ่มความเย็นให้เกิดขึ้นในใจชั้น

ชั้นเย็นชามากขึ้น

เธอเพิ่มความร้อนให้เกิดขึ้นในใจชั้น

ชั้นกราดเกรี้ยวมากขึ้น

------------------------------------------

เธอ กำลังจะเปลี่ยนชั้นเป็นปีศาจ

ที่อาจจะไร้หัวใจ

หรือเปลี่ยนเป็น ผู้พ่ายแพ้ที่ใจแตกสลาย

------------------------------------------

ถ้าชั้นเป็นปีศาจ เธออาจจะจำชั้นไม่ได้

แม้แต่ตัวตนคนเดิมของชั้น หรือรอยยิ้มของชั้น

ชั้นคงจะทำร้ายเธอทุกวิถีทางที่ชั้นทำได้

ดึงเอาความสุขออกไปเท่าที่จะทำได้


แต่ชั้นไม่อยากเป็นคนเช่นนั้น ชั้นไม่อยากทำร้ายใคร

------------------------------------------

ถ้าชั้นเป็นผู้พ่ายแพ้

เธอจะไม่ได้เห็นชั้นอีก แม้แต่รอยยิ้ม

ชั้นจะก้าวออกไปจากชีวิตเธอ

ให้เธอใช้ชีวิตอย่างที่เคย

สิ่งที่ชั้นจะเอาไปด้วยคือ ความทรงจำ


เริ่มต้นใหม่ในที่ไกลๆ
------------------------------------------




แต่สิ่งที่ชั้นอยากเป็น




คือ อยู่ที่นี่กับเธอ


อยากให้ทุกอย่างเป็นอย่างเดิม


------------------------------------------

เธอทำให้ชั้นโกรธ แต่เธอก็ทำให้ชั้นยิ้ม

เธอทำให้ชั้นร้องไห้ แต่เธอก็ทำให้ชั้นหัวเราะ


เธอเป็นคนที่เข้ามา และชั้นก็กำลังจะจากไป

------------------------------------------

[SOHU27:3 Chapter + Special Chapter]

[Chapter 1: Busy Evening]

ลมจากเครื่องปรับอากาศพัดโชยมาเย็น พลางส่งเสียงอื่อตามปกติ

ชั้นลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย บ่ายสองแล้ว

ชั้นนั่งเขียนสรุปไปได้ครึ่งบท

----------------------------------------------

เอ็มเอสเอนที่ชั้นรอตะนาน ก็ติดซะที

แหมก็นะ เนตชาวบ้านนิ

เสียงทักแรกดังขึ้นอย่างชัดเจน

พร้อมกับข้อความว่า "ทำไมไม่เปิดเครื่อง"

ตารีตาเหลือกไปเปิดเลย

ข้อความเข้าเกือบสิบข้อความได้

แจ้งสายไม่ได้รับยี่สิบกว่าสาย จากเพื่อนสามคน

----------------------------------------------

ต้องไล่โทรเลยทีนี้ พอจะตั้งสมาธิเขียนอีกที

เจ๊เค้าก็โทรมาตามประสากระแสการเมือง

เลยต้องโทรไปหาเพื่อนกระแสอีกคน

ระหว่างนั้นเพื่อนที่ร้อยวันพันปีไม่เคยโทรก็โทรมา

พร้อมด้วยเพื่อนที่คุยกันทางเอ็มบ่อยๆก็โทรซ้อนเข้ามา

ขอถอนใจเป็นอีสาน "ฮ่วย~~เหนื่อยหลาย"

----------------------------------------------

[Chapter 2 : ว่าด้วยโยเกิร์ตและบทสรุป]

อืม อีกวันก็ผ่านไป

ข้าวเช้ามือแรกของวันคือ ยำลูกชิ้นกับเป๊ปซี่ (ได้ข่าวว่าน่าจะเป็นมื้อเที่ยงนะ)

(ส่วนมื้อดึก ที่จิงๆน่าเรียกมื้อเช้า เป็น น้ำผักแบบเข้มข้น)

ไปนั่งทำที่เดอะมอลล์

สรุปได้สองบทเอง

เลยไปนั่งกินร้าน umm....Milk ที่เปิดใหม่(ของฟาร์มโชคชัย)

โยเกิร์ตจากนมสดแท้ๆรสชาติสะใจมากกก

แต่กลับมาเล่นแทบวิ่งเข้าห้องน้ำไม่ทันเลยทีเดียว

ตอนดึกก้อสรุป หมดบทที่รับผิดชอบมา มาฟิตอีตอนดึกนี่เอง

----------------------------------------------

[Chapter 3 : KNOCK KNOCK]

อาการแรกที่เกิดตอนตื่นคือ ปวดมือขวา ไล่ไปถึงกลางหลังเลย

แล้วข้อมือก็มีเสียงกระดูกลั่นดังขึ้น

(ซึ่งปกติที่ขาดังเพราะกรรมพันธุ์อยู่แล้ว ตอนนี้ได้ข้อมือมาเพิ่มอีกอย่าง)

กินยาเข้าไปแปบนึง

โทรศัพท์ก็ดังขึ้น

เพื่อนสาว(ญ แท้)เจ้าเก่าคนเดิม ก็โทรมาเม้าส์แตก

หลังจากนั้น เพื่อนที่ช่วยทำสรุปก็โทรมาถาม

เราก็เลยเสนอช่วยอีกสองบท

ไม่เจียมเลยเนอะ

แต่ก็ทำเสร็จหมดสองบทอ่านะ

พร้อมกลับรื้อของเก่าขึ้นมาทำเพิ่มซะงั้น

----------------------------------------------
[Chapter 4 : Meeting]

วันนี้ก็ได้วาร์ปร่าง ไปที่หอชาวบ้านอีกตามเคย

เพื่อสรุปสองบทสุดท้าย

พร้อมกับ scan

กว่าจะได้กลับบ้านก้เหนื่อยใช่ย่อย

----------------------------------------------

[Special Chapter : up2U]


พวกเธอคงไม่รู้หรอก เบื้องหน้าชั้นมีทางแยกอยู่

สิ่งที่ชั้นต้องเลือกเดิน

ณ ตรงนั้นมีพวกเธอยืนอยู่ ใบหน้าซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากหลากสีสัน

พลางชี้ชวนไปทั้งทางขวาและบอกว่าจะเดินไปด้วยกัน
บางคนชี้ชวนกันไปทางซ้าย เส้นทางที่ต้องเดินคนเดียว

พวกเธอคงไม่รู้ว่า เวลาเริ่มก้าวเข้ามาแล้ว

ชั้นเหลือเวลาไม่มากนักกับการตัดสินใจนี้

ความบ้าคลั่ง หวาดระแวง ระวัง และเสียใจ

ค่อยๆกัดกินไปทีละเล็กละน้อย

ตัวตนที่ชั้นเคยเป็นเริ่มสูญสลาย



สุดท้าย มันก็ขึ้นอยู่กับพวกเธอนะ

เวลาช่วงสุดท้ายนี่ ชั้นให้พวกเธอเป็นคนชี้ทาง

----------------------------------------------

เธอคงไม่รู้หรอกใต้หน้ากากของชั้นตอนนี้มีอะไร
ชั้นเป็นผู้เผลอใส่หน้ากากต้องสาปไปแล้ว

อยากจะถอดหน้ากาก แล้วเข้าไปหาเธออีกครั้ง

ใต้หน้ากากนั้น คือ

น้ำตาที่ชั้นซ่อนไว้ไม่ให้ใครเห็น
กับรอยยิ้มที่ชั้นอยากคืนให้เธอ

แต่ตอนนี้ไม่แน่สิ่งที่อาจทำให้ชั้นเลือกเส้นทางได้

คือ รอยยิ้มของเธอ

ชั้นอยากเห็นรอยยิ้มของเธอที่มีให้ชั้นมันยังอยู่ล่ะก็
และถ้าแม้ว่ามันไม่มีอีกแล้ว

ชั้นคงจะได้คำตอบไม่ว่า นัยน์ตาและรอยยิ้มของเธอเป็นเช่นไร

วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2553

[SOHU27 : INTRO]

[INTRO :ลำนำแห่งความเบลอ]

จบคอร์สแล้วเว้ยยยย!!!
(เด๋วจะเขียน Timeline ให้ดู)


2.00 น. เพิ่งล้มตัวลงนอน
5.00 น. กว่าจะหลับจริง =_=zZ
7.30 น. ตื่น (เมื่อวานก็ท้องเสีย จะเอารายอีก)
8.30 น. ออกจากบ้าน
9.00 น. ยื่นแกล่ว หน้าปากซอย
9.45 น. รถมา(แย้ว~*)
10.00น. ถึงมอซะที(ฮ่วยย)
10.30น. ขึ้นเรียน

16.00น. เรียนเส็ดซะที(จดเข้าไปสิ แนวข้อสอบอ่ะ)


ระหว่างทางกลับบ้าน
-ลงรถเลยป้าย -ไขกุญแจบ้านผิดดอก - สะดุดบันได

(ต่อจากตรงนี้เป็นช่วงสะกดจิตตัวเอง)

เฮ้อออ....

ต่อจากนี้เราต้องสรุปวันละสองบท แล้วจะเหลือหนึ่งวันอ่านทวน น น น น ...น

-----------------------------------------------------------------

[Special Chapter : เพ้อ]
***ต่อจากตรงนี้จะเป็นอาการเพ้อของ จขบ. เนื่องด้วยพิษไข้ อย่าใส่ใจ***


ตอนนี้สำหรับเธอ ชั้นอาจเป็นเพียงคนบ้า ที่มัวแต่พร่ำเพ้อ และอารมณ์แปรปรวน
เธออาจจะไม่สนใจชั้นอีกแล้ว ชั้นก็ไม่ว่าอะไร เพราะชั้นสมควรโดนแล้ว
พออยู่ต่อหน้า ชั้นกลับไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยปากบอกอะไรออกไป
ทั้งที่มีอะไรอยากจะบอกตั้งมากมาย

แต่ตอนนี้มันคงสายเกินไปแล้ว


素直な気持ち 譲れないもの
sunaona kimochi yuzurenai mono
ชั้นไม่มีวันลืมความรู้สึก...

正直な言葉すべて
shoujikina kotoba subete
และถ้อยคำอันซื่อตรงทั้งหมดของชั้น


声にして伝えることが出来たなら
koe ni shite tsutaeru koto ga dekita nara
และถ้าชั้นสามารถเอ่ยออกไปได้ทั้งหมดล่ะก็

未来は広がってゆくよ
mirai ha hirogatte yuku yo
อนาคตจะเปิดกว้างขึ้น

いつも そういつも 心に君が居るから
itusmo sou itsumo kokoro ni kimi ga iru kara
ใช่แล้ว … ก็เพราะว่าเธอนั้นอยู่ในใจของชั้นอยู่เสมอมา...

Dear my friend...


Song : 君がいるから (Kimi ga iru kara - เพราะมีเธอ)
Artist: 菅原紗由理 (Sugawara Sayuri)



รอยยิ้มของเธอน่ะ ชั้นรักมันจริงๆนะ
แต่ชั้นต้องขอโทษจริงๆ ชั้นไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงไม่ยิ้มให้เธอ
ทั้งที่มันไม่มีอะไรตั้งแต่แรกแท้ๆ

ชั้นขอโทษ

วันพุธที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2553

【9th】 2 Sides : my side II






ถ้าครั้งนี้เสียงของชั้นยังไปไม่ถึงเธออีกล่ะก็
อยากให้เธอใช้สองมือนั้นทำลายฉันให้ดับสิ้นไปเสียเถอะ

ก่อนที่ใจของเธอจะไม่มีฉันอยู่ในนั้นอีกต่อไป

อยากให้เธอมองชั้นเปลี่ยนเป็นเศษเถ้าธุลีลองล่อยจากไป
ไม่ต้องห่วง ฉันจะเหม่อมองท้องฟ้าเฝ้าคอยจนกว่าทุกอย่างจะจบลง




วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2553

【8th】 2 Sides : my side

รอยเท้าบนผืนทราย คลื่นชายทะเลที่พัดเข้าฝั่ง

กระดาษสีขาว น้ำหมึกสีดำ






ขอโทษที่เงียบไป ขอโทษที่ไม่เข้าใจ ขอโทษที่ไม่ยิ้มให้ ขอโทษที่ไม่สบตา
ไม่รู้ว่าจะยังยอมรอชั้นรึเปล่า เพราะชั้นทำร้ายเธอด้วยการกระทำที่ไร้ความคิด
ถ้าเธอจะไม่รอก็ไม่แปลกหรอก แต่ชั้นก็จะพยายามดิ้นรนออกจากที่นี่ไป
อย่างน้อยชั้นก็ยังได้พยายาม
แม้ว่าความหวังนั้นอาจจะไม่มีวันเป็นจริง








วันศุกร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2553

【Special】 2 Days : Let's Chill++

วันนี้ขอมาแบบเฮฮา บ้าบอ หน่อยล่ะกัน

------------------------------------------

เมื่อวาน ตื่นมาตอนเที่ยงแบบเต็มอิ่ม

(หลังจากมันท้องเสียตอนเจ็ดโมงไปยกนึง)



ก็มาเปิดคอม ออนเอ็ม แลบอร์ดนิดนึงส์ ตามวิถีชีวิตวงจรอุบาทว์มัน

นั่งออนเอ็มหลั่นล้ากะเพื่อนเก่า + เพื่อนที่มอแปบนึง

วิญญาณอะไรบางอย่างก็เข้าสิงมัน บอกให้มันไปเดอะมอลล์


มันเลยตะโกนจากชั้นสองลงมา "ม้า เด๋วไปเดอะมอลล์นะเอารายเป่า?"

ม้า : "นัดใครไว้หรอ?"

ป๊า : "มีตังค์เป่า ลูก?"

คำตอบของคำถามแรกคือ เป่า คำตอบของคำถามที่สอง คือ มี (เหลือจากงบประมาณงานหนังสือนั่นแหละ)

(งานหนังสือที่ผ่านมา ก็ได้ XNA3.0 มาเล่มนึง + C# + หนังสือเฮียวิชัยมาสองเล่ม หมดไปหลายอยู่แต่ก็คุ้ม )


เอาล่ะ ต่อๆๆ

วิญญาณก็เข้าสิงมันไปเดินเดอะมอลล์ ด้วยสภาพหน้านิ่งๆไม่ยิ้ม (งงตัวเองเหมือนกัน)

เดินร้านหนังสือจนครบทุกร้าน ได้หนังสือนิยายมาเล่มนึง (คนจีนแต่ง)

(ซึ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่า คือ มันอ่านจบสองรอบในวันเดียว ตัวอะไรเข้าสิงวะ)
(แต่ก็หนุกดีนะ พระเอกเท่ห์ >_<)

อืม ลืมบอกหนังสือชื่อ Kill no more


หลังจากนั้นกระเพาะเรียกร้อง เลยเลี้ยวเข้า ฮะจิบังราเมน
พร้อมสั่งเมนูเดิมตามสไตล์

"เรเมน กับ ชาเขียวแก้วนึงค่ะ"

**เรเมน = บะหมี่เย็นทรงเครื่อง ร้อนๆอย่างนี้มันต้องบะหมี่เย็นจิ **


ระหว่างนั่งไป คว้าหนังสือขึ้นมาอ่านไป รอไป

เกิดอาการเมื่อยคอไป หันไปสบตากับโต๊ะข้างๆ

ก็เลยยิ้มๆ(พอเป็นประเพณี)แล้วก้อก้มหน้าอ่านต่อ (วันนี้กรุได้ยิ้มซะที)

พอเหลือบตาดู อีโต๊ะข้างๆ ดันจ้องจังง

เลยรีบอ่าน รีบกิน แล้วเผ่นครับ


หลังจากนั้น มันก็วาร์ป ไปน้อมจิตต์

ได้ต่างหูมาสองคู่ แบบห่วงสีดำคู่นึง แบบแป้นฝังพลอยดำ คู่นึง

เดินไปอีกแปบ ก็ไปสบตากับ

เสื้อคลุมสีดำตัวยาว อ่ะ ใช่เลย

เลยไปสอยมาอีกตัว (หมดไปหลายร้อยแล้ววันนี้)

กะลังจะเดินไปซื้อเมนูที่ท่านแม่สั่งมา

โชคดี นึกออกที่ปากประตูพอดี

เลยเดินย้อนไปซื้อ เจลล้างหน้าทันพอดี เฮ้อ

สุดท้ายก็กลับบ้านโดยสวัสดิภาพ


(แล้วมารื้อของดูทำไมมันมีแต่ของดำ เสื้อก็ดำ ต่างหูก็ดำ ปกนิยายยังดำ =_=)
------------------------------------------

วันนี้ มันก็ตื่นมาเหมือนเมื่อวานแหละ มึนๆอึนๆ และแน่นอนไม่ใช่ก่อนเที่ยงแน่นอน

แล้วชีวิตมันก็เข้าสู่วงจรอุบาทว์อีกครั้ง

เปิดคอม ออนเอ็ม

แอ๊ด..ประตูเปิด แม่ของช้าน เดินเข้ามาบอก "อ่ะ คุณกนกวรรณได้แระ"
พร้อมยื่นพัสดุมาให้

มันยิ้มออกทันที พร้อมแกะพัสดุออก พร้อมแผ่นคอนเสิร์ทสองแผ่นก็หลุดออกมา ^^
** ไม่ได้ชื่อ กนกวรรณ หรอกนะ ลืมให้ชื่อที่ร้านเค้าไป เค้าเลยเมคชื่อนี้มาให้ **

ก็เลยรีบคว้าแผ่น DVD "Ayaka MTV unplugged" เข้าเครื่องอย่างรวดเร็ว
("เย้...........ได้ดูแล้วโว้ยยย!!!")



เพลงเพราะมากกกกกก.....


อีกอย่างนี่อาจจะเป็นคอนเสิร์ทสุดท้ายเจ๊แกด้วยอ่ะ

เพราะเจ๊แกเป็นไทรอยด์เลย ประกาศพักยาว T^T



แต่คอนนี้สุดยอดจิง คนร้องจะร้องไห้อ่ะ(รู้สึกได้) แต่คนฟังร้องเลย มันก็จะร้อง
(แล้วมันไปเกี่ยวรายกะเค้าเนี่ย ได้ข่าวมันนั่งอยู่บ้านดูนะ)



อีกแผ่นนึงที่เค้าส่งมา Mai Kuraki รึเปล่า พิมพ์ไม่ถูก (เค้าแถมมา 555+)

ดูแล้ว เหมือน Britney เวอร์ชั่นญี่ปุ่นยังไงหยั่งงั้น


แค่นี่แหละ เด๋วไปนั่งอ่าน Do not Disturb ของวิชัยอีกรอบดีกว่า


วันจันทร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2553

【7th】ส่วนหนึ่งของชีวิต

เรื่องบางเรื่อง

อาจสมควรรู้แค่ คนบางคน

เรื่องบางเรื่อง

ไม่ว่าใครก็รู้ได้

---------------------------------------

ในวันนี้ ชั้นเลือกที่จะเปิดใจ

ในส่วนที่ชั้นปิดไว้จนมิด ทั้งความรู้สึก ความทรงจำ

ชั้นได้เล่าให้ใครคนหนึ่งฟังไป


เธอคนนั้นเกิดอาการตกใจเล็กๆน้อยๆ

แต่ก็กระตือรือร้นที่จะช่วยเหลือ

และอยากให้แสงส่องลงมาในส่วนมืดของชั้น

ชั้นยิ้มนิดนึง แม้เธอที่ปลายสายจะมองไม่เห็น

ชั้นดีใจนะ ที่ยังมีใครซักคนที่เป็นห่วงชั้น


สุดท้าย ถึงเธอจะยังไม่มีประสบการณ์ในเรื่องแบบนี้

และชั้นก็ไม่อยากให้เธอมี หรือเจอะเจอแบบชั้น


เธอแนะนำชั้นไป หาใคร

ที่ไว้ใจ และมีประสบการณ์

---------------------------------------

ก่อนหน้านี้ ก็มีใครซักคน เคยพูดลอยๆไว้

ว่าเรื่องแบบนี้เค้าไม่ทำกันหรอก

ชั้นน่าจะฟังไว้บ้างสินะ

เรื่องแบบนี้มันจะได้ไม่เกิดขึ้น

ชั้นจะได้ไม่ต้องลุ้นว่าตอนจบของเรื่องนี้มันจะเป็นอย่างไร

---------------------------------------

อีกคนหนึ่ง ซึ่งชั้นไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง

กลับเข้าใจชั้น ทำไมชั้นถึง....

ขอบคุณที่เข้าใจชั้น

ขอบคุณที่เป็นเพื่อนชั้น^^

---------------------------------------

กับอีกคนที่ชั้นเคยเล่าเรื่องของตัวเอง ว่าเป็นเรื่องของคนอื่น

ตอนนั้นคนๆนั้นพูดว่า "เดินอยู่บนเส้นทางอันตราย"

พลางพูดประมานว่า

ถ้าเส้นด้ายนี้ขาดลงเมื่อไหร่....

นั่นแหละคือจุดเริ่มของโศกนาฎกรรม



ซึ่งตอนนี้ เรื่องนั้น คงเป็นเหมือนด้ายที่ถูกขึงจนตึง

ถ้าชั้นก้าวอีกก้าวเดียว มันอาจจะขาดสะบั้น หรือ ก้าวต่อไปได้

---------------------------------------

ตอนนี้ ความว่างเปล่า มันเกิดขึ้นตรงกลาง

มีความเงียบเป็นสิ่งที่คั่นขวาง

โดยมีชั้นเป็นคนเริ่ม โดยไม่เจตนา


ถ้าย้อนเวลาไปได้ ชั้นคงไม่ทำแบบนั้น


ชั้นขอโทษ

---------------------------------------

ระหว่างที่ชั้นกังวล

ชั้นนั่งแปลเพลง จนกระทั่งถึงเพลงนึง

Te wo tsunagou

ชั้นถึงกับร้องไห้ออกมา


ชั้นเคยคิดให้เรื่องมันจบไป

แต่สุดท้ายชั้นกลับ...

---------------------------------------

คงอาจมองชั้นว่าบ้า

อารมณ์แปรปรวน เอะอะ โวยวาย


แต่คงไม่รู้หรอก ว่าความรู้สึกของชั้นนั้นเป็นเช่นไร

โลกที่แตกร้าว


แต่มันก็เหมือนกับตอนนี้ ที่ชั้นไม่รู้ว่าอีกฟากของกำแพงนั้น มีอะไร

ชั้นอยากจะปีนข้ามไป แต่คิดว่าแค่จะหยิบบันไดขึ้นมา


มือชั้นก็สั่นแล้ว


แต่ชั้นมั่นใจว่า อีกฟากของกำแพงไม่ว่าจะมีอะไร ชั้นก็สามารถรับได้

---------------------------------------


PS. “想い”重なり花開く時
ชั้นอยากให้ “ความหวัง”ของชั้นเบ่งบาน

巨大な力が 生まれるから
และอยากให้ตัวชั้นนั้นเข้มแข็ง

วันศุกร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2553

[นอกเรื่อง] ยืมแปะ USO - SID




uso
"คำโกหก"
OST:『鋼の錬金術師 FULLMETAL ALCHEMIST』(エンディング・テーマ)
歌手:シド
作詞:マオ
作曲:ゆうや
編曲:シド&西平彰(キューンレコード)

OST: hagane no renkinjutsushi - Fullmetal Alchemist (ED Theme Song)
Singer: Sid
Lyrics: Mao
Arrangement: Yuuya
Recording: Sid & Akira Nishihira (Ki/oon Records Inc.)



あの日見た空 茜色の空を
ano hi mita sora akane-iro no sora wo
ท้องฟ้าที่เห็นในวันนั้น ท้องฟ้าสีส้มอมแดงนั่น
ねえ 君は憶えていますか
nee kimi wa oboete-imasu ka
นี่ เธอยังจำได้หรือเปล่า
約束 契り 初夏の風が包む
yakusoku chigiri shoka no kaze ga tsutsumu
เก็บคำสัญญา คำสาบานไว้กับสายลมต้นฤดูร้อน
二人 寄り添った
futari yori-sotta
สองเราเคียงข้างแนบชิดกัน



無理な笑顔の裏
muri'na egao no ura
เบื้องหลังรอยยิ้มฝืน ๆ
伸びた影をかくまう
nobita kage wo kakumau
ซุกซ่อนอยู่ภายใต้เงาที่ทอดออกมา
だから 気づかぬふり 再生を選ぶ
dakara kitsukanu furi saisei wo erabu
ฉันจึงแกล้งทำเป็นไม่รู้ตัว แล้วเลือกที่จะเริ่มต้นใหม่


テーブルの上の 震えない知らせ 待ち続けて
teeburu no ue no furue'nai shirase machi tsudukete
บนโต๊ะตัวนั้น ฉันเฝ้าคอยข้อความที่จะไม่ทำให้สะเทือนใจเรื่อยมา
空白の夜も 来るはずのない朝も
kuu-haku no yoru mo kuru hazu no nai asa mo
ไม่ว่าจะค่ำคืนที่เดียวดายว่างเปล่า ไม่ว่าจะยามเช้าที่ไม่อาจมาถึง
全部わかってたんだ
zenbu wakattetan da
ฉันรู้และเข้าใจทุกอย่าง


あの日見た空 茜色の空を
ano hi mita sora akane-iro no sora wo
ท้องฟ้าที่เห็นในวันนั้น ท้องฟ้าสีส้มอมแดงนั่น
ねえ 君は忘れたのでしょう
nee kimi wa wasureta no deshou
นี่ เธอลืมไปแล้วใช่ไหม
約束 契り 初夏の風に消えた
yakusoku chigiri shoka no kaze ni kieta
คำสัญญา คำสาบาน หายไปกับสายลมต้นฤดูร้อนแล้ว
二人 戻れない
futari modorenai
เราสองคนกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว


音も 色も 温度も
oto mo iro mo on'do mo
ทั้งเสียง ทั้งสีสัน ทั้งอุณหภูมิ
半分になった この部屋
han'bun ni natta ko'no heya
ทั้งห้องนี้ที่แยกออกเป็นสองส่วน
今日も散らかしては
kyou mo chirakashite wa
ที่ต้องทิ้งแม้แต่วันนี้ไป
揺れ 疲れ 眠る
yure tsukare nemuru
ฉันโซเซ เหนื่อยล้า หมดแรง



「上手に騙してね
"jouzu ni damashite ne
คำพูดของเธอที่ว่า
嘘は嫌いで好き」
uso wa kiraide suki"
"หลอกเก่งใช่มั้ยล่ะ
君の言葉
kimi no kotoba
ถึงจะเกลียดการโกหก แต่ก็ชอบเหมือนกัน"

今頃になって気持ちは痛いほど
imakoro ni natte kimochi wa itai hodo
ไม่เคยเจ็บปวดกับความรู้สึกที่มีมากเท่าตอนนี้มาก่อน
だから 僕ら さよなら
dakara boku-ra sayo'nara
ดังนั้น เราจึงต้องจากกันไป


いつかまたねと 手を振り合ったけど
itsuka mata ne to te wo furi'atta kedo
ถึงเธอจะบอกว่าแล้วเจอกันอีก ถึงเราจะได้จับมือกัน
もう会うことは無いのでしょう
mou au koto wa nai no deshou
แต่คงไม่ได้พบกันอีกแล้วใช่ไหม
最後の嘘は 優しい嘘でした
saigo no uso wa yasashii uso deshita
คำโกหกครั้งสุดท้าย เป็นคำโกหกที่แสนหวานหู
忘れない
wasure'nai
ฉันจะไม่มีวันลืมเลย


あの日見た空 茜色の空を
ano hi mita sora akane-iro no sora wo
ท้องฟ้าที่เห็นในวันนั้น ท้องฟ้าสีส้มอมแดงนั่น
ねえ いつか思い出すでしょう
nee itsuka omoi-dasu deshou
นี่ สักวันเธอคงจะนึกออกใช่ไหม
果たせなかった 約束を抱いて
hatase'nakatta yakusoku wo idaite
เก็บคำสัญญาที่ไม่มีวันสมหวังไว้ในอ้อมแขน
二人 歩き出す
futari aruki dasu
แล้วสองเรา จะก้าวเดินไป

Credit : http://gin-no-ishi.exteen.com/




วันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2553

[Pr3D:the END] เมื่อความขี้เกียจมาเยือน

หลังจากคราวที่แล้ว

ก็ทำคนเส็ดไปคน

ก็เกิดความขี้เกียจเลยรวมงานส่งซะเลย

หวังว่าท่านอาจารย์คนไม่ตีหัวนะ

--------------------------------------------------------

ตอนนี้ดันมาติดเพลงของเจ๊ Ayaka ซะงั้น

เค้าประกาศหลุดยาวไปตอนปลายปีซะนี่

[13.01.2010] MTV Unplugged 2009 ayaka

คอนเสิร์ทสุดท้ายของเจ๊แกอยากได้เว่อร์

สั่งทางเน็ตไปแระ


เมื่อไหร่......ดิชั้นจะได้มา

--------------------------------------------------------

วันพุธที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553

[นอกเรื่อง] แปล Why - Ayaka ฉบับไมล์ๆ



Why – ayaka

瞳の奥がぼやけて見えない
hitomi no oku ga boyakete mienai
เมฆหมอกที่สุดสายตานั้น บดบังตัวเธอจนสิ้น
心の底の 気持ちはあるの?
kokoro no soko no kimochi wa aru no?
จิตใจเธอยังคงมีความรู้สึกอยู่มั้ย?

世界の全てを手にしたとしても
sekai no subete wo te ni shita to shite mo
ถ้าโลกทั้งใบเป็นของเธอ
それがあなたの幸せなの?
sore ga anata no shiawase na no?
แล้วเธอจะมีความสุขไหม?


Why 孤独な空を見上げるの?
Why kodoku na sora wo miageru no?
ทำไม เธอจึงมองท้องฟ้าอย่างเดียวดาย?


Why 笑って見せてよ
Why waratte misete yo
ทำไมล่ะ ยิ้มให้ชั้นเห็นหน่อยได้มั้ย?

言葉にするのが下手な
kotoba ni suru no ga heta na
เธอที่พูดไม่เก่งเอาซะเลย
あなたの性格わかるから
anata no seikaku wakaru kara
แต่ชั้นก็เข้าใจว่าเธอเป็นเช่นไร


遠い昔に何があったの?
tooi mukashi ni nani ga atta no?
เกิดอะไรขึ้นในอดีตที่ผ่านมา
視線をそらす あなたの瞳に
shisen wo sorasu anata no hitomi ni
ในดวงตาของเธอนั้น มองไปสิ่งที่ไกลเกินชั้นจะไปถึง



一人でさびしい夜に抱きしめられる
hitori de samishii yoru ni dakishimerareru
เธอรู้จักมั้ยถึงสิ่งเดียวที่สามารถพาเธอผ่านค่ำคืนอันเดียวดายนี้ไปได้
そんな温かさ知ってる?
sonna atatakasa shitteru?
เธอรู้จักมั้ย สิ่งที่เรียกว่า ความอบอุ่น?


Why どうして形にこだわるの?
Why doushite katachi ni kodawaru no?
ทำไม เธอถึงต้องเสแสร้งออกมา

Why 心を開いて
Why kokoro wo hiraite
ทำไมล่ะ แค่เปิดหัวใจของเธอออกมา แค่นั้น

大きな荷物を背負った
ookina nimotsu wo seotta
ชั้นรู้ว่าเธอมีเรื่องมากมายให้แบกรับ
あなたを受け入れられる力
anata wo uke irerareru chikara
แต่ชั้นก็มีความเข้มแข็งมากพอที่จะช่วยแบกรับ
あるわ 信じてみて…
aru wa shinjite mite...
ทำไมเธอไม่ลองที่จะเชื่อในตัวชั้น


自由な人は不器用で…
jiyuu na hito wa bukiyou de...
ความอิสระนั้น อาจทำให้เธอไขว้เขว
自由な人は不安で…
jiyuu na hito wa fuan de...
ความอิสระนั้น อาจทำให้เธอทุกข์ใจ


Why 孤独な空を見上げるの?
Why kodoku na sora wo miageru no?
ทำไม เธอจึงมองท้องฟ้าอย่างเดียวดาย?

Why 笑って見せてよ
Why waratte misete yo
ทำไมล่ะ ยิ้มให้ชั้นเห็นหน่อยได้มั้ย?

言葉にするのが下手な
kotoba ni suru no ga heta na
เธอที่พูดไม่เก่งเอาซะเลย
あなたの性格わかるから
anata no seikaku wakaru kara
แต่ชั้นก็เข้าใจว่าเธอเป็นเช่นไร
信じてみて
shinjite mite
เชื่อในตัวชั้นสิ

Why...
ทำไม




วันอังคารที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2553

[Pr3D:day 1] วางแผน + ลำบากใจ

วันที่ 1 : อุตริคิดจะทำ

หลังจากยืมหนังสือ แล้วเอามานอนหนุนหัว (ตามที่เห็นในภาพ)


(ภาษาซี เอามาทวนอีกรอบ,ส่วนเล่มเกม เอามาอ่านเรื่อง Xbox)
(สองสามเล่มที่เหลือ ยืมตามกระแส+เอาให้อาจารย์ที่รู้จักกันดู+เอามาดูตอนฝึกทำเป็นหย่อมๆ)

จุดมุ่งหมาย(ปัจจุบัน) : ขอคนงามๆนึงคน
จุดมุ่งหมายระยะยาว:...(ความลับ)
ระยะเวลา : ไม่มีกำหนด
รายละเอียด : ได้แบบคนเรียบร้อยแล้ว

------------------------------------------------------------------------
ว่าด้วยหนังสือ@งานหนังสือ (ที่ต้องซื้อ)

- Microsoft XNA Unleashed โดย Chad Carter
-Professional XNA programming โดย Benjamin Nitschke
(เล่มนี้รอเทพก่อนแล้วค่อยซื้อเพิ่ม 555+)
- หนังสือ C# (โชคดีที่มันมีภาษาไทย เฮ้อ)

2 เล่มนี้กะซื้อมาเพื่อทำ XNA โดยเฉพาะเลย อุตส่าห์มีโปรแกรมและ
แต่แค่เล่มแรกก็ พันกว่าบาทแล้วอ่ะ T^T
**ได้ข่าวว่า น่าจะซื้อ 3D max นะเธอว์**

------------------------------------------------------------------------

พูดถึง XNA

XNA เป็นโปรแกรมไว้เขียนเกมลง Xbox กะ Windows นะโดยใช้ C# เอาง่ายๆ (ขี้เกียจพิมพ์เยอะ)

XNA ตอนแรกก็เห็นอยู่ที่เว็บ ThaiXNA เกิดอย่างลองขึ้นมา
แต่ข้าเจ้าก็เขียนเป็นแต่ C กะ C++ (อีกนิดนึง)
แต่เจ้าโปรแกรมดันใช้ C# ซะงั้น เฮ้ออ
(หวังว่าคงแค่เพิ่มอารายนิดๆหน่อยๆจาก C ธรรมดานะ)


ก็กะจะขวนขวายหามาทำเองอยู่หรอก


จนกระทั่ง อาจารย์แตงกวามาทัก(ในเอ็ม)แล้วบอกว่ามีเรียนตอนปีสาม
แต่ต้องเรียนภาษาซีผ่านก่อน

ซึ่งข้าเจ้าได้เทียบโอนวิชาภาษา C มาจาก มหาลัยเดิม แล้ว เลยสามารถลงได้เลย
ก็เลยลองดูเวลาเรียน+สอบ ซึ่งโชคดี(หรือร้าย)ไม่มีซ้อนกะวิชาไหนเลย

จะลงดีมั้ยล่ะเนี่ย?

ถ้าข้าเจ้าลง ข้าเจ้าต้องไปนั่งเรียนกะพี่ปีสาม (ซึ่งไม่ค่อยสนิทด้วยซะเลย)
ได้ข่าวว่ามีทั้งงานกลุ่ม กะโปรเจค แล้วข้าเจ้าจะไปอยู่กะใครล่ะ?
(แถมข้าเจ้าจะแอบหนีไปช่วยเพื่อนที่เรียนภาษา C เวลาเดียวกันไม่ได้ด้วย
เพราะเวลาเรียนดันมาตรงกันซะนี่ แถมดันจะเรียนแซงชาวบ้านอีกตะหาก)
แต่วิชาเรียนตอนปีสามหายไปตัวนึง


ถ้าข้าเจ้าไม่ลง ข้าเจ้าจะมีเวลาว่าง พฤหัส ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์
แล้วสามารถไปหลั่นล้าช่วยเพื่อนได้อีกด้วย
แต่ข้าเจ้าก็ยังจะขวนขวายทำไอ่ XNA นี่อยู่ดี(คนมันอยากอ่ะนะ)
(แล้วไปถามจารย์เอา+ไปส่องคลิป tutor ตามเว็บอีกรอบนึง)
แล้วก้ออาจจะไปลองทำโปรแกรมนู้นๆนี้ๆ ตามสมควร
และก็ลงเรียนพร้อมเพื่อนทีหลัง

จะเอายังไงดี?

------------------------------------------------------------------------
ว่าด้วย โปรแกรมต่างๆ (ที่อาจใช้ในแผนชั่วๆของข้าเจ้า หึหึหึ)

After Effect : ตอนนี้เจ้าแวว เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดก็ไปเรียนอยู่ เด๋วไปสูบวิชามาจากมันเอา
Illus : มีหลายคนให้ดูด 555+
Darkbasic : อันนี้ก็อยากอยู่แต่ไม่รีบมาก เพราะโดน XNA ครอบงำอยุ่
(โปรแกรมเขียนเกม อีกแหละ ภาษามันจะยำระหว่าง C,C++กะBasic)

------------------------------------------------------------------------

PS. สุดท้ายมันก็อยู่ที่ใจเท่านั้น..


วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2553

[นอกเรื่อง] แปล My hands - Leona Lewis ฉบับไมล์ๆ

Song : My Hands
Artist : Leona Lewis
Album : ECHO/ Final Fantasy XIII theme song (US/EU)

I wake up in the morning ,Tired of sleeping
ชั้นตื่นขึ้นในยามเช้า พอแล้วที่จะนอนต่อ
Get in the shower And make my bed alone
ชั้นไปอาบน้ำ และจัดเตียงเพียงคนเดียว


I put on my makeup, Talking to the mirror
ชั้นแต่งหน้า พลางพูดคุยกับกระจก
Ready for a new day Without you
เตรียมพร้อมสำหรับวันใหม่ที่ไม่มีเธอ

And I walk steady on my feet. I talk my voice obeys me.
ชั้นพยายามก้าวออกไปอย่างมั่นคงและพูดด้วยน้ำเสียงปกติ
I go out at night, Sleep without the lights
ฉันออกไปเที่ยวในตอนกลางคืนและนอนหลับได้โดยไม่ต้องเปิดไฟ
And i do all of the things. I have to keeping you off my mind.
และที่ชั้นทำทุกอย่างลงไป เพียงเพื่อลบเธอออกไปจากใจชั้น
But when i think i'll be alright I am always wrong cause
แต่ทุกครั้งที่ชั้นคิดว่าทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น แต่ชั้นก็คิดผิดเพราะ..


**My hands Don't wanna start again
มือของชั้น มันไม่อยากเริ่มทำสิ่งใหม่

My hands No they don't wanna understand
มือของชั้น ไม่ยอมเข้าใจในสิ่งที่ชั้นอยากให้เป็น

My hands They just shake and try to break whatever peace i may find
มือของชั้น มันเพียงแต่พยายามทำลายทุกความสุขที่ชั้นอาจพบเจอ

My hands They only agree to hold Your hands
มือของชั้น มีเพียงสิ่งเดียวที่จะยอมรับ คือ มือของเธอ

And they don't wanna be without Your hands
และไม่อยากอยู่โดยปราศจากมือเธอ

And they will not let me go. No, they will not let me go.**
มันไม่ยอมให้ชั้นเริ่มต้นใหม่ มันไม่ยอมให้ชั้นไป



I talk about you now And do it without crying
ชั้นสามารถพูดถึงเธอได้โดยไม่ร้องไห้
I go out with my friends now
ชั้นสามารถไปเที่ยวกับเพื่อนอย่างสบายใจ
I stay home all alone
สามารถอยู่บ้านคนเดียวได้
I don't see you everywhere
และชั้นไม่เจอเธอไม่ว่าที่ไหน

I can say your name easily
ชั้นสามารถเอ่ยชื่อเธอได้อย่างง่ายดาย
I laugh a bit louder Without you
หัวเราะได้ดังขึ้นโดยไม่มีเธอ


And i see different shades now And i'm almost never afraid now
และชั้นพบเจอสิ่งต่างๆที่เปลี่ยนไป ชั้นแทบจะไม่กลัวอะไรอีกแล้วตอนนี้

But when I think I'll be okay I am always wrong cause…
แต่ทุกครั้งที่ชั้นคิดว่าทุกอย่างกำลังจะลงตัว แต่ชั้นก็คิดผิดเพราะ..

repeat *

Sometimes I wake and see them reaching out for you
บางครั้งเมื่อชั้นตื่น ชั้นเห็นมือของชั้นไขว่คว้าหาเธอ
Quietly breaking whatever shields I spent so long building up
และค่อยๆทำลายกำแพงที่ชั้นสร้างขึ้นมานาน
I cannot fake, cos when they cry i'm unspoken
ชั้นไม่สามารถโกหกได้อีกแล้ว เพราะเมื่อมันร้องไห้ ชั้นถึงกับพูดไม่ออก
They miss holding my baby . They miss holding my baby
มันคิดถึงเธอ มือของชั้น มันคิดถึงเธอ

repeat * twice


วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2553

[นอกเรื่อง] แปล 手をつなごう - 絢香 ฉบับไมล์ๆ



耳を澄ませば 聞こえる
Mimi wo sumaseba kikoeru
ลองฟังดูสินั่นเสียงอะไร

笑い声や涙音
Warai koe ya namida oto
ได้ยินไหมทั้งเสียงหัวเราะและน้ำตาไหล

みんな生きてる 愛する人と
Ima ikiteru aisuru kimi to
นั่นคือเสียงของผู้คนที่ยังได้อยู่ กับคนที่รักข้างกาย

広い海を渡るには 1人じゃ迷ってしまう
Hiroi umi wo wataru ni wa Hitori ja mayotte shimau
ถ้าหากเธอข้ามผืนทะเลกว้างใหญ่นั้น แล้วหลงทางอยู่เพียงเดียวดาย

一緒に行こう 光差す方へ
Isshoni yukou hikari sasu hou he
ขอให้เธอจับมือชั้น แล้วเราจะไปด้วยกันจนถึงที่หมาย


ぶつかっては また抱き合って“弱さ”わけあってく
Butsukatte ha tataki atte yowasa waki atteku
ถ้าหากเธอพบกับความเจ็บปวด ขอให้เธอมาหาชั้น เพราะ "ความอ่อนแอ"ไม่ใช่เรื่องน่าอาย


永遠ってコトバ あるのかな?
Eien tte kotoba aru no kana
คำว่า“ตลอดไป” มันมีอยู่จริงมั้ย?

未来を想うと 怖くなるけど
Mirai wo omou to kowaku naru kedo
แค่คิดว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ก็กลัวไปหมดทั้งตัว แต่ว่า

ずっと ずっと 続く夢があるから…
Zutto zutto tsuzuku yume ga aru kara
ตลอดมา ตลอดไป เพราะชั้นยังมีฝันที่ต้องดำเนินต่อ

手をつなごう
Te wo tsunagou
ขอแค่จับมือชั้นไว้


心が叫んでいるのに
Kokoro ga sakenderu no ni
ใจฉันเรียกร้องแต่เธออยู่รู้ไหม


君は見て見ぬフリをして
Kimi wa miteminufuri wo shite
เธอเข้าใจแต่ทำเป็นไม่สน ไม่รู้ทำไม

前だけ向いて 歩いていくよ
Mae dake wo mite aruite yuku yo
เเล้วเธอก็เดินต่อไป ไม่หันกลับมามองฉันเลย

写真の中 笑う君 “今を描けていた?”
Shashin no naka warau kimi ima wo egakete ita
หยิบรูปของเราออกมา เธอนั้นยังยิ้มอยู่ “เธอยังจำได้มั้ย?”

伝えるってことは 難しいね
Tsutaeru tte koto ha muzukashii ne
อยากจะพูดให้ซึ้งกินใจ มันยากจังเลยนะ

声を枯らしても 届かなくて
Koe wo karashite mo todokanakute
อีกครั้งที่ชั้นส่งเสียงไปหาเธอจะขาดใจ ก็ยังส่งไปไม่ถึง และอีกครั้งที่ชั้นต้องกลั้นน้ำตา

ずっと ずっと 叫び続ける日もあるけど…
Zutto zutto sakebi tsuzukeru hi mo aru kedo
ที่ผ่านมา ที่ผ่านไป ไม่มีวันไหนเลยที่ฉันจะไม่เรียกร้องหาเธอ แต่ว่า . . .

“想い”重なり花開く時
“Omoi” kasanari hanabira ugoki
ชั้นอยากให้ “ความหวัง”ของชั้นเบ่งบานเหมือนดอกไม้

巨大な力が 生まれるから
Kyoudai no chikara ga umareru kara
และอยากให้ตัวชั้นนั้นเข้มแข็ง

永遠ってコトバ あるのかな?
Eien tte kotoba aru no kana
คำว่า “ตลอดไป” ที่ว่าน่ะ มันมีจริงรึเปล่า?

未来を想うと 怖くなるけど
Mirai wo omou to kowaku naru kedo
แค่คิดว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ก็กลัวไปหมดทั้งตัว แต่ว่า

ずっと ずっと 続く夢があるから…きっと
Zutto zutto tsuzuku yume ga aru kara....kitto
ตลอดมา ตลอดไป ถ้ายังมีฝันฉันก็จะอยู่ต่อไป....อย่างแน่นอน


この空飛べたら 会えるかな?
kono sora koetara aeru kara
ถ้าหากข้ามฟ้าข้ามทะเลไป จะได้เจอเธอไหมนะ?

泣いてた自分と君に送るよ
Naiteta jibun to kimi ni wa kuru yo
ไปหาเธอทั้งน้ำตาที่นองหน้า ฉันก็จะไป

ずっと ずっと 信じていれば 叶うから
Zutto zutto shinjite ireba kanau kara
ตลอดมา ตลอดไป ถ้ายังเชื่อใจกันอยู่ ไม่ว่าอะไรชั้นก็สามารถทำได้

手をつなごう
Te wo tsunagou
เพียงแค่เราจับมือกัน






PS.ก็ฟังกันมานานแล้วนะ แต่เพิ่งคิดจะแปล
แปลไม่ค่อยตรงหรอก แต่นี่เต็มที่แล้วก๊าบบ~~*

วันเสาร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2553

【6th】ซีดจาง


บนรถสองแถวสายเดิม

เพียงแต่ลมที่พัดมาหนาวกว่าทุกวัน

ชั้นนั่งมองผู้คน บางคนเร่งรีบ บางคนเอื่อยเฉื่อย

แต่ภายในของชั้นกลับเงียบสนิทอย่างไร้เหตุผล

ไม่มีความคิดอะไรผุดขึ้นมาในสมอง

แต่กลับมีความรู้สึกหนักอึ้งที่ไม่มีที่มา

----------------------------------------------

การเดินทางซ้ำซาก เส้นทางเดิมๆ ผู้คนที่พบเจอทุกวัน

ถึงมันจะดูน่าเบื่อ แต่ตอนนี้มันคงเป็นสิ่งเดียวที่เพิ่มสีสันให้ชั้น

เพราะสุดท้าย ตอนที่ชั้นอยู่คนเดียว

มันน่าเบื่อยิ่งกว่าซะอีก

----------------------------------------------

อีกไม่กี่วัน การเรียนเพิ่มของชั้นก็จะจบลง

วันว่างที่แสนจะยาวนานกำลังจะเริ่มขึ้น

แล้วชั้นจะทำอะไรดี กับตัวชั้นที่ไร้ซึ่งสีสัน

----------------------------------------------

ตอนนี้สิ่งที่คงรอยยิ้มของชั้นไว้ได้

คือ แผนการไปเที่ยวลอยๆ กับเพื่อนเก่า

บางคนอาจดูว่ามันเป็นเรื่องงี่เง่า

แต่ตอนนี้มันเป็นเพียงสิ่งเดียวจริงๆที่ยังค้ำจุนชั้นอยู่

----------------------------------------------

ตอนนี้ชั้นไขว่คว้าหาความยุ่งเหยิง

ไขว่คว้าหาความวุ่นวาย

----------------------------------------------

หนังสือที่อ่านไปหมดแล้วถูกรื้อออกมาจากชั้น

ถูกอ่านทั้งหมดอีกครั้ง

หนังสือที่ซื้อมาเมื่อวาน ก็ถูกอ่านจนหมดภายในวันเดียว

----------------------------------------------

โปรแกรมต่างๆที่อยากจะเริ่มทำ ก็เริ่มไม่ได้

เพราะขาดหลายๆอย่าง

----------------------------------------------

อยากจะผ่านช่วงเวลานี้ไป

อยากจะยิ้มได้อย่างนั้นอีกครั้ง

----------------------------------------------

ทั้งที่ไม่กี่วันก่อน ชั้นยังมีเรื่องให้คิด

แต่สุดท้าย สิ่งที่ ทำให้ชั้นว่างเปล่าอีกครั้ง คือ

"ฝันร้าย"

----------------------------------------------

ไม่กี่วันก่อนนั้น

ชั้นเคยคิดขอให้ชั้นลืมไปให้หมด ความรู้สึกนั้น

แต่สุดท้าย เมื่อมันเริ่มลางเลือนจนเหมือนจะหายไป

ชั้นกลับเรียกหามัน

และถามตัวเองว่า ชั้นทำมันหายไปได้ยังไง

และแล้ว

ชั้นฝัน

ฝันเห็นสิ่งที่ไม่อยากให้เกิด

ฝันเห็นสิ่งที่สามารถทำให้ชั้นโกรธจนตื่นได้

แต่มันกลับทำให้ชั้นตัดสินได้

ว่า

"สุดท้ายแล้ว ความรู้สึกที่มีมันไม่ได้หายไป เพียงแค่ซ่อนอยู่เท่านั้น"

----------------------------------------------