วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2554

[17th] my wish, night wish

ดวงอาทิตย์ที่หลับใหลไป

ค่ำคืนที่ไร้ดาว

จิตใจอันเงียบงัน

-------------------------------------------

นัยน์ตานั้นจ้องไปยังความว่างเปล่า

ชั้นกำลังคาดหวังอะไร

-------------------------------------------

ภาวนาท่ามกลางความมืดรอบตัว

ให้ความจริงนั้นไม่ปรากฎ

ให้ความฝันทั้งหมดนั้นยังดำรงอยู่ต่อไป

-------------------------------------------

หลงทางอยู่ในราตรี

ไร้ซึ่งทิศทางใดๆ

ทำอย่างไรความฝันนั้นถึงเป็นจริง

-------------------------------------------

ถึงความเศร้านั้นครอบงำจิตใจคนเรา

แต่ก็ย่อมมีวันจากไป

-------------------------------------------

เฝ้าผ่าน ค่ำคืนนับร้อยพัน

เพรียกหาแสงตะวันของวันใหม่

-------------------------------------------

สุดท้าย ชีวิตก็บทละครหน้าหนึ่ง

จนกระทั่งไม่มีบทใดให้เล่นอีกต่อไป

-------------------------------------------

inspire by



Sleeping Sun - NightWish

วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2554

[นอกเรื่อง] แปล Annie Lennox - Into the west [ฉบับไมล์ๆ]



Lay down
เอนกายลงมาเถิด

Your sweet and weary head
เจ้าเหนื่อยล้ามามากแล้ว

Night is falling You have come to journey's end
ราตรีได้ร่วงโรย การเดินทางได้สิ้นสุดลง



Sleep now
นิทราลงเถิด

And dream of the ones who came before
และฝันถึงเสียงหมู่มวลบรรพชนผู้ผ่านพ้น

They are calling From across the distant shore
ที่ได้เพรียกหา จากฟากฝั่งทะเลโพ้น



Why do you weep?
ทำไมเจ้าถึงยังคงร่ำไห้

What are these tears upon your face?
ทำไมเจ้าจึjงยังมีหยาดน้ำตาบนดวงหน้า

Soon you will see
แต่อีกไม่นานนัก เจ้าจักพบว่า

All of your fears will pass away
ความกลัวทั้งหมดจะสูญสลายไปจนสิ้น

Safe in my arms
ไร้ซึ่งภัยใดๆภายในอ้อมกอดนี้

You're only sleeping
เจ้าเพียงแค่หลับใหลนิทราไป



[Chorus]


What can you see On the horizon?
เจ้าเห็นสิ่งใดกันบนเส้นขอบฟ้านั้น

Why do the white gulls call?
ทำไมไยเหล่านางนวลจึงร่ำร้อง

Across the sea A pale moon rises
ข้ามเหนือผืนน้ำ แสงจันทร์ซีดจางส่องสว่าง

The ships have come to carry you home
นาวาเหล่านี้จะพาเจ้ากลับคืน



And all will turn To silver glass
และทุกอย่างจะแปรเปลี่ยนเหลือเพียงแสงเงินงาม

A light on the water
แสงที่ระยับเหนือผิวน้ำนั้น

All souls pass
วิญญาณทั้งหมดได้ก้าวผ่านไป



Hope fades
ความหวังนั้นจางหาย

Into the world of night Through shadows falling
ในโลกแห่งราตรีกาล ข้ามผ่านเงามืดที่ได้สูญสลาย

Out of memory and time
ที่มิมีทั้งความทรงจำและกาลเวลา

Don't say: "We have come now to the end"
อย่าเอื้อนเอ่ย ว่า ถึงเวลาที่ต้องจากลา

White shores are calling You and I will meet again
ยามเมื่อหาดทรายขาวร่ำร้อง เราจักพลันพบพาน

And you'll be here in my arms
แล้วเจ้าจะอยู่ภายในอ้อมแขน

Just sleeping
เพียงแค่หลับใหลไปเท่านั้น


[Chorus]


And all will turn To silver glass
และทุกอย่างจะแปรเปลี่ยนเหลือเพียงแสงเงิน

A light on the water
แสงที่ระยิบบนผิวน้ำนั้น

Grey ships pass Into the West
นาวาล่องผ่านพ้นไปสู่ แดนนิรันดร์

วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2554

[นอกเรื่อง] แปล Still Alive - Lisa Miskovsky [ฉบับไมล์ๆ]

Lisa Miskovsky
Still Alive lyrics




You have changed
เธอได้เปลี่ยนไป
I have changed
ชั้นเปลี่ยนไป
Just like you
ก็เหมือนกับเธอ
Just like you
เหมือนกับเธอนั่นแหละ

For how long
มันนานแค่ไหนแล้วนะ
For how long
นานแค่ไหนกัน
Must I wait
ที่ชั้นต้องรอคอย
I know there's something wrong
ชั้นรู้นะว่ามันมีอะไรผิดปกติซักอย่าง

Your concrete heart isn't beating
หัวใจเธอที่แข็งกระด้างเหมือนคอนกรีตนั้นมันไม่เต้น
And you tried to
แต่เธอก็พยายาม
Make it come alive
ให้มันกลับมามีชีวิต

No shadows
ไม่มีเงามืด
Just red lights
มีแต่แสงสีแดงนั่น
Now I'm here to rescue you
ตอนนี้ชั้นได้มาที่นี่เพื่อช่วยเธอแล้ว

**Oh I'm still alive
ตอนนี้ชั้นยังมีชีวิตอยู่นะ
I'm still alive and
ยังหายใจ
I can't apologise, no
แต่ชั้นให้อภัยเธอไม่ได้หรอก

Oh I'm still alive
ตอนนี้ชั้นยังมีชีวิตอยู่นะ
I'm still alive and
ยังหายใจ
I can't apologise, no**
แต่ชั้นให้อภัยเธอไม่ได้หรอก

So silent
มันช่างเงียบสงบ
No violence
ไม่มีความรุนแรงใดๆ
But inside my head
แต่ภายในหัวชั้น
So loud and clear
มันช่างดังและชัดเจน

You're screaming
เสียงกรีดร้อง
You're screaming
เสียงที่เธอกรีดร้อง
Cover up with a smile I've learned to fear
ที่เธอปิดบังไว้ด้วยรอยยิ้มนั้น ทำให้ชั้นเริ่มหวาดกลัว


Just sunshine
เพียงแค่ ดวงอาทิตย์ที่กำลังส่องแสง
And blue skies
กับท้องฟ้าสีคราม
Is this all we get, for living here?
ทั้งหมดมีเพียงแค่นี้เหรอ ที่เราได้จากการที่เราอยู่ที่นี่?

Come fire
ลุกโชนขึ้นมาเถอะ
Come fire
ลุกโชนขึ้นมา
Let it burn and love come racing through
ให้มันแผดเผาไป และปล่อยให้ความรักผ่านเข้ามา

repeat **

I've learn to lose
ชั้นเรียนรู้ที่จะแพ้
I've learn to win
รู้ที่จะชนะ
Turn my face against the wind
ชั้นผันหน้าเข้าหาสายลม เพื่อเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านั้น
I will move fast
ชั้นอาจจะก้าวไปอย่างรวดเร็ว
I will move slow
ชั้นอาจจะก้าวไปอย่างช้าๆ
Take me where I have to go
ตราบใดที่มันพาชั้นไปที่ๆชั้นต้องไป

repeat **

วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2554

[นอกเรื่อง] แปล When you believe (Celtic Woman ver.) [ฉบับไมล์ๆ]


When you believe
Vocal : Chloe Agnew


Many nights we've prayed
หลายค่ำคืนผ่านพ้น เราได้แต่เฝ้าสวดภาวนา

With no proof anyone could hear
ไม่อาจรู้ได้เลย ว่ามีใครได้ยินคำวิงวอนนั้น

In our hearts a hopeful song
แต่ภายในจิตใจของพวกเรานั้น เพลงแห่งความหวังนั้นกำลังบรรเลง

We barely understood
แต่พวกเราก็ไม่อาจเข้าใจ



Now we are not afraid
แต่บัดนี้ พวกเราจะไม่ขลาดกลัวอีกต่อไป

Although we know there's much to fear
แม้ว่าเราจะรู้ว่า มีหลายสิ่งให้ต้องหวาดกลัว

We were moving mountains long
แต่พวกเรายังสามารถเคลื่อนภูเขากว้างใหญ่นั้น

Before we knew we could
ได้ก่อนพวกเราจะรู้ว่าทำได้เสียอีก




There can be miracles, when you believe
มันอาจเกิดปาฎิหาริย์ขึ้น เพียงแค่เธอเชื่อเท่านั้น

Though hope is frail, it's hard to kill
แม้ความหวังนั้นจะเปราะบาง แต่ก็ยากที่จะสูญสลาย

Who knows what miracles you can achieve
ใครจะรู้ล่ะว่า ปาฎิหาริย์ แบบไหนที่เธอสามารถสร้างขึ้นมา

When you believe, somehow you will
ขอแค่เธอเชื่อเท่านั้น มันก็จะเกิดได้

You will when you believe
เธอจะทำได้ เมื่อเธอเชื่อมั่น




In this time of fear
ในโมงยามแห่งความกลัวนี้

When prayers so often prove(s) in vain
ที่คำภาวนาทั้งหลาย ดูไร้ซึ่งประโยชน์

Hope seems like the summer birds
ความหวังเหมือนดั่งนกในฤดูร้อน

Too swiftly flown away
ที่บินจากไปอย่างรวดเร็ว



Yet now I'm standing here
แต่ตอนนี้ชั้นยืนหยัด ณ ที่นี้

My heart's so full I can't explain
จิตใจของชั้นเต็มเปี่ยม แต่ไม่อาจอธิบายถึงมัน

Seeking faith and speaking words
เสาะหาสิ่งศรัทธา และกล่าวคำสาบาน

I never thought I'd say
ชั้นไม่เคยคิดเลยว่าจะกล่าวมันออกมา



There can be miracles, when you believe
มันอาจเกิดปาฎิหาริย์ได้ เพียงแค่เธอเชื่อเท่านั้น

Though hope is frail, it's hard to kill
แม้ความหวังนั้นจะเปราะบาง แต่ก็ยากที่จะสูญสลาย

Who knows what miracles you can achieve
ใครจะรู้ล่ะว่า ปาฎิหาริย์ แบบไหนที่เธอสามารถสร้างขึ้นมา

When you believe, somehow you will
ขอแค่เธอเชื่อเท่านั้น มันก็เป็นไปได้

You will when you believe
เธอจะทำได้ เมื่อเธอเชื่อมั่น



They don't (always happen) when you ask
ปาฎิหาริย์นั้น มักไม่เกิดขึ้นในยามที่เราร้องขอ

And it's easy to give in to your fears
มันง่ายที่เราจะยอมแพ้ให้กับความหวาดกลัว

But when you're blinded by your pain
แต่เมื่อความเจ็บปวดบดบังนัยน์ตาจนสิ้น

Can't see your way straight throught the rain
และไม่สามารถมองเห็นทางท่ามกลางสายฝนนั้น

(A small but )still resilient voice
ถึงมันจะเล็กน้อย แต่เสียงนั้นก็ยังคงดังก้องอยู่

Says (hope is very near)
เสียงที่บอกว่า ความหวังอยู่ใกล้แค่เอื้อม



There can be miracles, when you believe
มันอาจเกิดปาฎิหาริย์ขึ้นได้ เพียงแค่เธอเชื่อเท่านั้น

Though hope is frail, it's hard to kill
แม้ความหวังนั้นจะเปราะบาง แต่ก็ยากที่จะสูญสลาย

Who knows what miracles you can achieve
ใครจะรู้ล่ะว่า ปาฎิหาริย์ แบบไหนที่เธอสามารถสร้างขึ้นมา

When you believe, somehow you will
ขอแค่เธอเชื่อเท่านั้น มันก็จะเกิดได้

You will when you believe
เธอจะทำได้ เมื่อเธอเชื่อมั่น

วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554

[นอกเรื่อง] แปล My immortal - Evanescence [ฉบับไมล์ๆ]

My Immortal lyrics
Songwriters: Hodges, David; Lee, Amy; Moody, Ben;



I'm so tired of being here,
ฉันเหนื่อยเหลือเกินกับสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้

suppressed by all my childish fears
ต้องกล้ำกลืนความกลัวแบบเด็กๆของชั้นไปให้หมด

And if you have to leave, I wish that you would just leave
และถ้าเธออยากจะจากไป ชั้นขอแค่ให้เธอไปแค่นั้น

Your presence still lingers here and it won't leave me alone
แต่ตัวตนของเธอยังคงสะท้อนอยู่ที่นี่ นั้นไม่ยอมปล่อยให้ชั้นอยู่เพียงลำพัง



These wounds won't seem to heal, this pain is just too real
บาดแผลเหล่านี้จะไม่มีวันหาย ความเจ็บปวดนี้มันเป็นของจริง

There's just too much that time cannot erase
มีหลายสิ่งหลายอย่างเหลือเกิน ที่เวลาไม่อาจลบล้างได้



When you cried, I'd wipe away all of your tears
ยามเธอร้องไห้ ชั้นเป็นคนที่เช็ดหยดน้ำตาของเธอให้หมดไป

When you'd scream, I'd fight away all of your fears
ยามเธอกรีดร้องนั้น ชั้นเป็นคนที่ต่อสู้กับความกลัวทั้งหมดของเธอ

And I held your hand through all of these years
และชั้นได้จูงมือเธอฝ่าฟันผ่านเรื่องราวเหล่านี้ทั้งหมด

But you still have all of me
แต่เธอยังคงมีทั้งหมดของชั้น



You used to captivate me by your resonating light
เธอเคยดึงดูดชั้นด้วย ภาพสะท้อนอันงดงามของเธอ

Now, I'm bound by the life you left behind
แต่ตอนนี้ ชั้นยังคงผูกพัน กับชีวิตที่เธอทิ้งไว้เบื้องหลัง

Your face it haunts my once pleasant dreams
ใบหน้าของเธอนั้น ยังคงหลอกหลอนอยู่ในความฝันอันแสนสวยงามของชั้น

Your voice it chased away all the sanity in me
เสียงของเธอนั้น ยังวนเวียนอยู่ภายในจิตใจชั้น



These wounds won't seem to heal, this pain is just too real
บาดแผลเหล่านี้จะไม่มีวันหาย ความเจ็บปวดนี้มันเป็นของจริง

There's just too much that time cannot erase
มีหลายสิ่งหลายอย่างเหลือเกิน ที่เวลาไม่อาจลบล้างได้



When you cried, I'd wipe away all of your tears
ยามเธอร้องไห้ ชั้นเป็นคนที่เช็ดหยดน้ำตาของเธอให้หมดไป

When you'd scream, I'd fight away all of your fears
ยามเธอกรีดร้องนั้น ชั้นเป็นคนที่ต่อสู้กับความกลัวทั้งหมดของเธอ

And I held your hand through all of these years
และชั้นได้จูงมือเธอ ผ่านเรื่องราวเหล่านี้ทั้งหมด

But you still have all of me
แต่เธอยังคงมีทั้งหมดของชั้น



I've tried so hard to tell myself that you're gone
ชั้นพยายามบอกตัวเองอย่างยากลำบากเหลือเกินว่าเธอได้จากไปแล้ว

But though you're still with me, I've been alone all along
แต่ชั้นยังคิดว่าเธอยังอยู่กับชั้น ชั้นคงอยู่อย่างเดียวดายไปตลอดกาล



When you cried, I'd wipe away all of your tears
ยามเธอร้องไห้ ชั้นเป็นคนที่เช็ดหยดน้ำตาของเธอให้หมดไป

When you'd scream, I'd fight away all of your fears
ยามเธอกรีดร้องนั้น ชั้นเป็นคนที่ต่อสู้กับความกลัวทั้งหมดของเธอ

And I held your hand through all of these years
และชั้นได้จูงมือเธอฝ่าฟันผ่านเรื่องราวเหล่านี้ทั้งหมด

But you still have all of me
แต่เธอยังคงมีทั้งหมดของชั้น

วันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2554

[นอกเรื่อง] แปล Frozen - Within Temptation [ฉบับไมล์ๆ]

Frozen - Within Temptation




I can't feel my senses
ชั้นไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไปแล้ว

I just feel the cold
รู้สึกได้แต่เพียงความหนาวเหน็บ

All colors seem to fade away
สีสันทั้งหลายได้เริ่มจางหายไป

I can't reach my soul
ชั้นไม่สามารถรู้สึกถึงตัวตนของชั้นอีกต่อไป



I would stop running, if i knew there was a chance
ชั้นคงจะหยุดวิ่งหนี หากชั้นรู้ว่ามันยังมีโอกาสอยู่

It tears me apart to sacrifice it all but I'm forced to let go
มันได้ฉีกกระชากชั้น เพื่อให้ชั้นยอมพลีทุกสิ่ง แต่ชั้นยังต้องปล่อยไป



**Tell me I'm frozen but what can I do?
เธอบอกว่า ชั้นไร้ความรู้สึกไปแล้ว แต่ชั้นจะทำอย่างไรล่ะ

Can't tell the reasons I did it for you
ชั้นบอกเหตุผลไม่ได้หรอกนะ แต่ที่ชั้นทำลงไปเพื่อเธอ

When lies turn into truth I sacrificed for you
เมื่อคำโกหกเปลี่ยนเป็นความจริง ชั้นได้ยอมเสียสละเพื่อเธอ

You say that I'm frozen but what can I do?**
เธอบอกว่า ชั้นเย็นชา แต่ชั้นจะทำอย่างไรล่ะ



I can feel your sorrow
ชั้นรู้สึกถึงความเศร้าของเธอนะ

You won't forgive me,
เธอคงไม่ให้อภัยชั้นหรอก

but I know you'll be all right
แต่ชั้นรู้ว่าเธอจะปลอดภัย เธอจะสบายดี

It tears me apart that you will never know but I have to let go
มันฉีกชั้นเป็นชิ้นๆแต่ไม่เคยรับรู้ แต่ชั้นก็ต้องปล่อยมันไป


repeat **


Everything will slip away
ทุกอย่างนั้นจะหลุดลอยไป

Shattered peaces will remain
แต่ความสุขที่แตกกระจายนั้นจะยังคงอยู่

When memories fade into emptiness
เมื่อความทรงจำจางหายเหลือเพียงความว่างเปล่า

Only time will tell its tale
มีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะเล่าเรื่องราว

If it all has been in vain
ถ้าทั้งหมดนั้นมันดูไร้สาระนะ


I can't feel my senses
ชั้นไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไป

I just feel the cold
มีแค่ความหนาวเหน็บ

Frozen...
ราวกับถูกแช่แข็ง

But what can I do?
แต่ชั้นจะทำอย่างไรล่ะ

Frozen...
หนาวเย็น



Tell me I'm frozen but what can I do?
เธอบอกว่า ชั้นไร้ความรู้สึกไปแล้ว แต่ชั้นจะทำอย่างไรล่ะ

Can't tell the reasons I did it for you
ชั้นบอกเหตุผลไม่ได้หรอกนะ แต่ที่ชั้นทำลงไปเพื่อเธอ

When lies turn into truth I sacrificed for you
เมื่อคำโกหกเปลี่ยนเป็นความจริง ชั้นได้เสียสละเพื่อเธอ

You say that I'm frozen
เธอบอกว่า ชั้นไร้ความรู้สึกไปแล้ว

วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

[นอกเรื่อง] แปล Nightwish - Nemo [ฉบับไมล์ๆ]

Nightwish - Nemo
(Nemo แปลว่า ไร้ชื่อ ในภาษาละติน)



This is me for forever
นี่คือสิ่งที่ชั้นเป็นและจะเป็นตลอดไป

One of the lost ones
หนึ่งในผู้หลงทาง

The one without a name
หนึ่งในผู้ปราศจากนามให้เรียกขาน

Without an honest heart as compass
ที่ไร้ซึ่งจิตใจที่ซื่อตรงดั่งเข็มทิศ




This is me for forever
นี่คือสิ่งที่ชั้นเป็นและจะเป็นตลอดไป

One without a name
หนึ่งในผู้ไร้นาม

These lines the last endeavour
และนี่จะเป็นความพยายามครั้งสุดท้าย

To find the missing lifeline
ที่จะตามหาเสี้ยวชีวิตที่ขาดหายไป




Oh how I wish
ชั้นปรารถนาถึง

For soothing rain
สายฝนแห่งความปลอบประโลม

All I wish is to dream again
ทุกอย่างที่ชั้นปรารถนา คือการได้เฝ้าฝันอีกครั้ง

My loving heart
หัวใจที่รู้จักความรักของชั้นนั้น

Lost in the dark
สูญสลายไปในความมืด

For hope I'd give my everything
เพื่อความหวังนั้น ชั้นทิ้งได้ทุกสิ่งอย่าง




My flower
ดอกไม้ของชั้น

Withered between
ได้แห้งเหี่ยวไประหว่าง

The pages two and three
หนังสือหน้าสองและสามนั้น

The once and forever bloom gone with my sins
ครั้งหนึ่งมันเคยผลิบานอย่างงดงาม แต่ก็ได้ร่วงโรยไปด้วยบาปของชั้น



Walk the dark path
ย่างก้าวในเส้นทางมืดมิด

Sleep with angels
หลับใหลกับเหล่าทูตสวรรค์

Call the past for help
เพรียกหาอดีตที่ผ่านพ้นไป สำหรับความช่วยเหลือ

Touch me with your love
ให้ชั้นได้สัมผัสถึงความรักของเธออีกครั้ง

And reveal to me my true name
และคืนนามที่แท้จริงให้แก่ชั้น




Oh how I wish
ชั้นปรารถนาถึง

For soothing rain
สายฝนแห่งความปลอบประโลม

All I wish is to dream again
ทุกอย่างที่ชั้นปรารถนา คือการได้เฝ้าฝันอีกครั้ง

My loving heart
หัวใจที่รู้จักความรักของชั้นนั้น

Lost in the dark
สูญสลายไปในความมืด

For hope I'd give my everything
เพื่อความหวังนั้น ชั้นให้ได้ทุกสิ่งทุกอย่าง




Oh how I wish
ชั้นปรารถนาถึง

For soothing rain
สายฝนแห่งความปลอบประโลม

All I wish is to dream again
ทุกอย่างที่ชั้นปรารถนา คือการได้ใฝ่ฝันอีกครั้ง

Once and for all
เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เพื่อทั้งหมด

And all for once
และทั้งหมดที่สูญเสียไป เพื่อครั้งเดียวเท่านั้น

Nemo my name forever more
นีโม่ (ไร้นาม) จะเป็นชื่อของชั้นตลอดไป



Nemo sailing home
นีโม่ กำลังจะคืนสู่ถิ่นฐาน

Nemo letting go
นีโม่ กำลังจะจากที่นี่ไป



Oh how I wish
ชั้นปรารถนาถึง

For soothing rain
สายฝนแห่งความปลอบประโลม

All I wish is to dream again
ทุกอย่างที่ชั้นปรารถนา คือการได้เฝ้าฝันอีกครั้ง

My loving heart
หัวใจที่รู้จักความรักของชั้นนั้น

Lost in the dark
สูญสลายไปในความมืด

For hope I'd give my everything
เพื่อความหวังนั้น ชั้นทิ้งได้ซึ่งทุกสิ่งอย่าง



Oh how I wish
ชั้นปรารถนาถึง

For soothing rain
สายฝนแห่งความปลอบประโลม

All I wish is to dream again
ทุกอย่างที่ชั้นปรารถนา คือการได้ใฝ่ฝันอีกครั้ง

Once and for all
เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เพื่อทั้งหมด

And all for once
และทั้งหมดที่สูญเสียไป เพื่อครั้งเดียวเท่านั้น

Nemo my name forever more
นีโม่ (ไร้นาม) จะเป็นชื่อของชั้นตลอดไป


Name forever more
จะเป็นชื่อของชั้นตลอดไป

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

[นอกเรื่อง] แปล Alanis Morissette - Not as we [ฉบับไมล์ๆ]

"Not As We"



Reborn and shivering
การเริ่มใหม่ และความสั่นสะท้านนี้
Spat out on new terrain
ได้ออกมาในที่แห่งใหม่นี้

Unsure unconvincing
ไม่มีอะไรให้แน่ใจ ไม่มีอะไรให้อยากจะเชื่อ
This faint and shaky hour
ในช่วงเวลาที่สั่นคลอนและไม่ชัดเจนนี้

Day one day one start over again
วันแต่ละวัน ได้เริ่มใหม่และจบไปอีกครั้ง
Step one step one
ก้าวแต่ละก้าวนั้น
I'm barely making sense for now
ชั้นเริ่มจะเข้าใจเหตุผลแล้ว ในตอนนี้
I'm faking it 'til I'm pseudo making it
ชั้นเสแสร้งจนกระทั่งต้องหลอกตัวเอง
From scratch begin again but this time I as i
มาตั้งแต่เริ่มต้น แต่ตอนนี้ ถึงชั้นจะเป็นตัวตนของชั้น
And not as we
แต่มันก็ไม่เหมือนกับการเป็น “เรา”

Gun shy and quivering
ตื่นตระหนกและ สั่นสะท้าน
Timid without a hand
ความขลาดกลัวเมื่อไม่มีความช่วยเหลือ
Feign brave with steel intent
ความกล้าหาญปลอมๆที่เกิดจากเจตจำนงอันหนักแน่น
little and hardly here
ในที่นี่นั้น มันแทบจะไม่มี

Day one day one start over again
วันแต่ละวัน ได้เริ่มใหม่และจบไปอีกครั้ง
Step one step one
แต่ละย่างก้าวออกไป
with not much making sense just yet
ด้วยความไม่ค่อยเข้าใจอะไรนักจนถึงตอนนี้
I'm faking it 'til I'm pseudo making it
ชั้นเสแสร้งจนกระทั่งต้องหลอกตัวเอง
From scratch begin again but this time I as i
มาตั้งแต่เริ่มต้น แต่ตอนนี้ ถึงชั้นจะเป็นตัวตนของชั้น
And not as we
แต่มันก็ไม่เหมือนกับการเป็น “เรา”

Eyes wet toward
ถึงจะมีน้ำตาแต่ก็จะมองไปข้างหน้า
Wide open frayed
การต่อสู้ที่กำลังเปิดรอรับ
If God's taking bets
ถ้าพระเจ้านั้นได้วางเดิมพันนั้น
I pray He wants to lose
ชั้นก็จะภาวนาให้เค้าอยากพ่ายแพ้

Day one day one start over again
วันแต่ละวัน ได้เริ่มใหม่และจบไปอีกครั้ง
Step one step one
ก้าวแต่ละก้าวนั้น
I'm barely making sense for now
ชั้นเริ่มจะเข้าใจเหตุผลแล้ว ในตอนนี้
I'm faking it 'til I'm pseudo making it
ชั้นเสแสร้งจนกระทั่งต้องหลอกตัวเอง
From scratch begin again but this time I as i
มาตั้งแต่เริ่มต้น แต่ตอนนี้ ถึงชั้นจะเป็นตัวตนของชั้น
And not as we
แต่มันก็ไม่เหมือนกับการเป็น “เรา”

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

[นอกเรื่อง] แปล Iridescent - Linkin Park [ฉบับไมล์ๆ]

Iridescent - Linkin Park



When you were standing in the wake of devastation
เมื่อเธอยืนอยู่ท่ามกลางเศษซากแห่งการทำลายล้าง

When you were waiting on the edge of the unknown
เมื่อเธอต้องรอคอยซึ่งไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่

And with the cataclysm raining down
พร้อมกับความรุนแรงที่โหมกระหน่ำลงมา

Insides crying “Save me now”
ในใจเธอร่ำร้อง "ช่วยชั้นเถิด"

You were there, possibly alone
เธออยู่ตรงนั้น และอาจอยู่เพียงเดียวดาย



**Do you feel cold and lost in desperation?
รู้สึกหนาวเหน็บและจมอยู่กับความสิ้นหวังไหม?

You build up hope, but failure’s all you’ve known
เธอสร้างความหวังขึ้นมา แต่มันก็สูญสลายไป

Remember all the sadness and frustration
จำความเศร้าและความผิดหวังนั้นไว้

And let it go. Let it go**
แล้วปล่อยมันไป จงปล่อยมันไป



And in a burst of light that blinded every angel
ในแสงสว่างที่บดบังนัยน์ตาของทวยเทพนั้น

As if the sky had blown the heavens into stars
เหมือนกับว่า ท้องฟ้าได้พัดพาให้สวรรค์กลายเป็นเพียงดวงดาว

You felt the gravity of tempered grace
เธออาจรู้สึกถึงความดีงามทั้งหลาย

Falling into empty space
ตอนที่ร่วงหล่นสู่ความเวิ้งว้างว่างเปล่า

No one there to catch you in their arms
แต่กลับไม่มีใครรับเธอเอาไว้เลย




**Do you feel cold and lost in desperation?
รู้สึกหนาวเหน็บและจมอยู่กับความสิ้นหวังไหม?

You build up hope, but failure’s all you’ve known
เธอสร้างความหวังขึ้นมา แต่มันก็สูญสลายไป

Remember all the sadness and frustration
จำความเศร้าและความผิดหวังนั้นไว้

And let it go. Let it go**
แล้วปล่อยมันไป จงปล่อยมันไป

วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2554

[นอกเรื่อง] แปล Charice - New world (official Lyrics) [ฉบับไมล์ๆ]


Charice -New World-



Verse 1:
Staring the stars, feeling the winds everytime
มองไปยังดวงดาว รู้สึกถึงลมที่พัดผ่าน ตลอดเวลา

I cannot stop thinking of you,
since you've been gone away from here
ชั้นไม่อาจหยุดคิดถึงเธอ ตั้งแต่เธอได้จากที่นี่ไป

Shedding the tears, crying out loud for once
ร้องไห้เสียใจ ฟูมฟายสักครั้งหนึ่ง

Cos you were so precious of me
And there’s no one to fill my broken heart
เพราะเธอเคยเป็นส่วนสำคัญของชั้น
และไม่มีใครที่จะมาเติมเต็มหัวใจที่แตกสลายของชั้นได้

Oh but now, I have realized the reason why I live in this world,
แต่ตอนนี้นะ ชั้นรู้แล้ว ถึงเหตุผลที่ชั้นต้องมาอยู่ในโลกใบนี้
Even you have left me here alone, I found the way where I can get hope for the Future 
ถึงแม้เธอทิ้งชั้นไว้เพียงลำพัง แต่ชั้นก็พบวิธีที่จะให้ความหวังกับ”อนาคต”

CHORUS 1:

Baby, I'm gonna see the New World with nothing but the love you gave me
ชั้นกำลังพบกับโลกใหม่ ที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากความรักที่เธอให้ชั้นมา

Only thing I can do, is to trust the time we shared
สิ่งเดียวที่ชั้นทำได้คือ เชื่อในเวลาที่เรามีกันและกัน

Baby, I'm gonna go to the New World with nothing
but the strength you gave me
ชั้นกำลังจะเห็นโลกใบใหม่ที่ไม่มีอะไรเลย
นอกจากความเข้มแข็งที่เธอมอบให้ชั้นมา


There's nothing to be afraid of,
I know your love will lead me where I should be
ตอนนี้ชั้นไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว
เพราะชั้นรู้ว่าความรักของเธอจะนำทางฉันไป

Even if it is dark and hard times for me
, I don't wanna give up my hope
แม้ว่ามันจะเป็นช่วงเวลาที่มืดมนและลำบากสำหรับชั้น
แต่ชั้นก็จะไม่ยอมแพ้

Verse 2:
Having a dream, basking in the sun everyday
มีความฝัน แสงแดดส่องลงมาในทุกๆวัน

I’m starting to thank that I’m still here,
though the pain of us still hurts me
ชั้นเริ่มรู้สึกขอบคุณที่ชั้นยังอยู่ที่นี่
แม้ว่าความเจ็บปวดของพวกเรายังคอยทำร้ายชั้นก็ตาม

Making me smile, making me laugh many times
ทำให้ชั้นยิ้ม ทำให้ชั้นหัวเราะหลายครั้งหลายคราว

Like everything is gentle to me because you are making it so
ทุกอย่างล้วนอ่อนโยนกับชั้น เพราะเธอเป็นคนทำให้มันเป็นอย่างนั้น

Then now I have realized the reason why I live in this world,
It’s not to lose what I truly need
ตอนนี้ชั้นก็รู้ถึงเหตุผลจริงๆแล้วแหละ ที่ชั้นอยู่ในโลกนี้
คือ ฉันไม่ควรปล่อยสิ่งที่ชั้นต้องการจริงๆไป

I will make, should've built the beautiful days together
ชั้นจะสร้าง ไม่สิ เราควรจะสร้างวันที่สวยงามขึ้นมาด้วย

(Repeat Chorus 1)

Bridge:
Pray for all of the things in this world
อธิษฐานถึงทุกสิ่งในโลกใบนี้
And belief in the power of the love
เชื่อในพลังของความรัก
Sing a song of tomorrow
แล้วขับร้องบทเพลงของวันพรุ่งนี้
Now we are not alone and we come to life again 
ตอนนี้เราไม่ได้อยู่เพียงลำพัง พวกเรากำลังกลับสู่ชีวิตอีกครั้ง
And new day will come to you, for you and me
และวันใหม่จะมาถึงเธอ เพื่อทั้งเธอและชั้น

CHORUS 2:
Baby, I'm gonna see the New World
with nothing but the love you gave me
ชั้นกำลังพบกับโลกใหม่
ที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากความรักที่เธอให้ชั้นมา

Only thing I can do, is to trust the time we shared
สิ่งเดียวที่ชั้นทำได้คือ เชื่อในเวลาที่เรามีกันและกัน

Baby, I'm gonna go to the New World
with nothing but the strength you gave me
ชั้นกำลังจะเห็นโลกใบใหม่ที่ไม่มีอะไรเลย
นอกจากความเข้มแข็งที่เธอมอบให้ชั้นมา

There's nothing to be afraid of,
I know you’ll anywhere I should be
ตอนนี้ชั้นไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว
เพราะชั้นรู้ว่าเธอจะอยู่เคียงข้างชั้นเสมอ

Even if it is dark and hard times for me,
I don't wanna give up my hope
แม้ว่ามันจะเป็นช่วงเวลาที่มืดมนและลำบากสำหรับชั้น
แต่ชั้นก็จะไม่ยอมแพ้


**Official Lyrics แล้วคร้าบบบ**

วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

[นอกเรื่อง] แปล lullaby for you (eng ver.) [ฉบับไมล์ๆ]

ไม่นานนี้ ชั้นได้ดูข่าวเกมมา ปรากฎว่า
เค้าได้นำตัวละครภายในเกมที่ชั้นชอบเกมนึง กลับมาอีกครั้ง
โดยจะรวมกับเกม KH:3DS
เกมที่ชั้นว่าก็คือ

The World ends with you

เนื้อเรื่องของเกมนี้
ถึงเกมมันจะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่เมื่อชั้นนึกถึงทีไรมันก็เข้ากับสถานการณ์เสมอ
ใครสนใจก็ไปอ่านเนื้อเรื่องคร่าวๆได้ที่
จิ้มจ๊ะ ^^
(Credit : http://cat-lover-club.exteen.com/)


Lullaby for You (English Ver)
OST.The World ends with you

Sung by JYONGRI


There may not be an answer to this too,
บางทีมันอาจจะไม่มีคำตอบในเรื่องต่างๆเหล่านี้
why the sky is blue, is the change in me all true?
ทำไมท้องฟ้าถึงเป้นสีฟ้านะ? ตัวชั้นเปลี่ยนไปจริงหรือ?
Now that you are next to me,
แต่ตอนนี้ชั้นมีเธออยู่เคียงข้าง
I have no fears and all I know is that I want to be with you
ไม่มีอะไรที่ชั้นต้องกลัวอีกแล้ว และทั้งหมดที่ชั้นรู้ คือ อยากอยู่กับเธอ

Sometimes it's easy to forget the times we weep,
บางครั้งมันก็ง่ายที่เราจะลืมเวลาที่เราหลั่งน้ำตา
the moment makes us weak, and all the shame I see
ช่วงเวลาที่ทำให้เราอ่อนแอ และความละอายทั้งหมดที่ชั้นพบเจอ
Memories exist for all the precious days my heart still wants to keep,
แต่ความทรงจำยังคงอยู่ เพื่อทำให้ทุกวันมีค่า และหัวใจของชั้นนั้นก็อยากจะเก็บมันไว้
somewhere deep inside of me
ซักแห่งภายในตัวชั้น

** เราสามารถลืมเรื่องเลวร้ายได้ เพราะยังมีความทรงจำที่ดี ที่น่าจดจำกว่าภายในตัวเรา**

A Lullaby For You
และนี่บทเพลงขับกล่อมสำหรับเธอ
Don't you worry baby, I'll be here by your side
ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก เพราะชั้นจะอยู่ที่นี่ข้างๆเธอ
May tomorrow be wonderful too
พรุ่งนี้มันอาจจะสวยงามเหมือนกัน
Close to you I hope to stay, endlessly from today
ชั้นหวังที่จะอยู่ข้างเธอ ต่อจากวันนี้เป็นต้นไป
Even through cloudy days you are not alone
แม้ว่าจะเป็นวันที่เลวร้าย เธอก็จะไม่อยู่คนเดียว

Sweet dreams I do not see cause darkness scares me,
ความฝันที่งดงาม ชั้นไม่อาจจะเห็น จะเป็นเพราะว่าความมืดมันน่ากลัว
is it because I'm still fifteen, Or the loneliness in me
หรือชั้นยังเด็กเกินไป? หรือเพราะความโดดเดี่ยวข้างในชั้นกันแน่?
Wish I may I wish I might sleep soundly through the windy nights,
ชั้นหวังแค่ว่าขอให้ชั้นหลับอย่างสบายท่ามกลางค่ำคืนแห่งพายุ
just to dream of you tonight
เพื่อที่จะฝันถึงเธอในคืนนี้

** ถ้าชั้นจะไม่อาจฝันถึงเธอ คงเป็นเพราะความโดดเดี่ยวของชั้น ที่ทำให้ชั้นนอนไม่ได้**

A Lullaby For You
นี่คือ บทเพลงขับกล่อมสำหรับเธอ
Stars will always gracefully watch over 'till it's bright
ดวงดาวจะสาดแสงลงมาเสมอ แม้ว่ายามเช้ากำลังจะมาเยือน
May tomorrow be wonderful too
พรุ่งนี้มันก็สวยงามเหมือนดวงดาวเหล่านั้นเช่นกัน
Take my hand and promise me, that we'll be all right
จับมือชั้นไว้ แล้วสัญญากัน ว่า เรื่องราวทั้งหมดมันจะดีเอง
Finding a place to feel at home you are not alone
เราจะไปหาที่ๆมันเหมือนบ้าน และเธอจะไม่อยู่คนเดียว

Maybe I'll turn back to stay
ซักวันชั้นจะกลับไปยัง
Where I came from only yesterday
ที่ๆชั้นเคยไปมา
Whisper then,"The past is gone eternally"
แล้วกระซิบเบาๆว่า “อดีต ได้ผ่านไปตลอดกาล”

A Lullaby For You
และนี่บทเพลงขับกล่อมสำหรับเธอ
Don't you worry baby, I'll be here by your side
ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก เพราะชั้นจะอยู่ที่นี่ข้างๆเธอ
May tomorrow be wonderful too
พรุ่งนี้มันอาจจะสวยงามเหมือนกัน
Close to you I hope to stay, endlessly from today
ชั้นหวังที่จะอยู่ข้างเธอ ต่อจากวันนี้เป็นต้นไป
Even through cloudy days you are not alone
แม้ว่าจะเป็นวันที่เลวร้าย เธอก็จะไม่อยู่คนเดียว


** อดีตอาจไม่สวยงาม แต่มันก็ได้ผ่านไปแล้ว ใครจะรู้พรุ่งนี้อาจจะสวยงามก็ได้**

วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554

[นอกเรื่อง] แปล Breathe no more - Evanescence [ฉบับไมล์ๆ]

Breathe no more - Evanescence
Vocal : Amy Lee



I've been looking in the mirror for so long.
ชั้นจ้องมองเข้าไปในกระจกนั้นมาเนิ่นนาน

That I've come to believe my soul's on the other side.
นั่นทำให้ชั้นเริ่มเชื่อว่า จิตใจของชั้นอยู่ ณ อีกฟากฝั่งนั้น
All the little pieces falling, shatter.
เศษเสี้ยวทั้งหมดได้ร่วงหล่นและแตกกระจาย

Shards of me,
เศษเสี้ยวของชั้น
Too sharp to put back together.
มันคมเกินที่จะ หยิบรวมให้เหมือนเดิม
Too small to matter,
แต่มันก็เล็กเกินที่จะมีความสำคัญอะไร
But big enough to cut me into so many little pieces.
แต่มันใหญ่พอที่จะตัดชั้นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

If I try to touch her,
แต่ถ้าหากชั้นจะพยายามแตะต้องเธอคนนั้น
And I bleed,
มีแต่ต้องสูญเสีย
I bleed,
มีแต่ต้องเจ็บปวด
And I breathe,
ชั้นพยายามจะสูดหายใจลึกๆ
I breathe no more.
แต่ลมหายใจนั้นก็ขาดห้วงไป

Take a breath and I try to draw from my spirits well.
สูดหายใจเข้าและบอกตัวเองให้ พยายามทำใจให้ดี
Yet again you refuse to drink like a stubborn child.
เธอยังคงปฏิเสธสิ่งที่ชั้นให้ราวกับเด็กรั้น
Lie to me,
หลอกลวงชั้น
Convince me that I've been sick forever.
ทำให้ชั้นนั้นต้องเจ็บปวดตลอดไป


And all of this,
แต่ทั้งหมดนั้น
Will make sense when I get better.
มันคงมีเหตุผลขึ้นมาบ้าง เมื่อชั้นดีขึ้น

But I know the difference,
แต่ชั้นก็รู้นะความแตกต่างนั้น
Between myself and my reflection.
ระหว่างตัวชั้นกับเงานั้น
I just can't help but to wonder,
ชั้นไม่สามารถช่วยอะไรได้ มีแต่ความสงสัยที่มากขึ้น

Which of us do you love.
ระหว่าง ชั้นกับเธอคนนั้น ใครกันแน่ที่เธอรัก

So I bleed,
แต่นั่นน่ะ ชั้นคงต้องเป็นคนที่สูญเสีย
I bleed,
เป็นคนที่เสียสละ
And I breathe,
ชั้นพยายามจะสูดหายใจลึกๆ
I breathe no more.
แต่ลมหายใจนั้นก็ขาดห้วงไป

วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

[นอกเรื่อง] แปล Awake & Alive - Skillet [ฉบับไมล์ๆ]

Awake And Alive - Skillet
Songwriters: Cooper, John; Howes, Brian;

I'm at war with the world
ชั้นกำลังทำสงครามกับโลกทั้งใบ
And they try to pull me into the dark
พวกเค้าพยายามดึงชั้นลงสู่ความมืด
I struggle to find my faith
แต่ชั้นก็พยายามค้นหาสิ่งที่ชั้นศรัทธา
As I'm slipping from your arms
ขณะที่ชั้นกำลังจะจากเธอไป

It's getting harder to stay awake
มันยากขึ้นเรื่อยๆที่พยายามมีสติ
And my strength is fading fast
และความเข้มแข็งของชั้นเริ่มเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
You breathe into me at last
แต่สุดท้ายเธอก็เป็นคนต่อลมหายใจให้ชั้น

I'm awake, I'm alive
ชั้นยังตื่นอยู่ ชั้นยังมีชีวิต
Now I know what I believe inside
ตอนนี้ชั้นรู้แล้วล่ะว่าควรจะเชื่อมั่นในอะไร
Now it's my time
ถึงเวลาของชั้นแล้วล่ะ
I'll do what I want 'cause this is my life
ชั้นจะทำอย่างที่อยากทำ เพราะนี่คือ ชีวิตของชั้น

(Here, right now)
Right here, right now
ณ ที่นี่ ตอนนี้
Stand my ground and never back down
ชั้นจะยืน ตรงนี้ และไม่ถอยหลังกลับไป
I know what I believe inside
ชั้นรู้แล้วล่ะว่าควรจะเชื่อมั่นในอะไร
I'm awake, and I'm alive
ชั้นยังตื่นอยู่ ชั้นยังมีชีวิตอยู่


I'm at war with the world
ชั้นกล้าทำสงครามกับโลกทั้งใบ
'Cause I ain't never gonna sell my soul
เพราะชั้นไม่มีทางขายจิตวิญญาณของชั้นไป
I've already made up my mind
ชั้นเตรียมใจไว้แล้ว
No matter what, I can't be bought or sold
ไม่มีสิ่งใดจะสามารถซื้อหรือขายชั้นได้

When my faith is getting weak
เมื่อความเชื่อของชั้นเริ่มสั่นคลอน
And I feel like giving in
เมื่อชั้นอยากจะยอมแพ้
You breathe into me again
เธอเป็นคนต่อลมหายใจให้ชั้นอีกครั้ง

I'm awake, I'm alive
ชั้นยังตื่นอยู่ ชั้นยังมีชีวิต
Now I know what I believe inside
ตอนนี้ชั้นรู้แล้วล่ะว่าควรจะเชื่อมั่นในอะไร
Now it's my time
ถึงเวลาของชั้นแล้วล่ะ
I'll do what I want 'cause this is my life
ชั้นจะทำอย่างที่อยากทำ เพราะนี่คือ ชีวิตของชั้น

(Here, right now)
Right here, right now
ณ ที่นี่ ตอนนี้
Stand my ground and never back down
ชั้นจะยืน ตรงนี้ และไม่ถอยหลังกลับไป
I know what I believe inside
ชั้นรู้แล้วล่ะว่าควรจะเชื่อมั่นในอะไร
I'm awake, and I'm alive
ชั้นยังตื่นอยู่ ชั้นยังมีชีวิต


Waking up, waking up
Waking up, waking up
Waking up, waking up
Waking up, waking up
ตื่นขึ้นมาสิ ตื่นขึ้นมา

in the dark
ในความมืดนั้น
I can feel you in my sleep
แม้ชั้นหลับ ชั้นก็ยังรู้สึกถึงเธอ
In your arms, I feel you breathe into me
ในอ้อมแขนของเธอนั้น ชั้นรู้สึกว่าเธอผลักดันให้ชั้นอยู่ต่อไป
Forever hold this heart that I will give to you
ตลอดไป ชั้นจะเก็บใจนี้ไว้ให้เธอ
Forever I will live for you
ตลอดไป ชั้นจะอยู่เพื่อเธอ

I'm awake, I'm alive
ชั้นยังตื่นอยู่ ชั้นยังมีชีวิต
Now I know what I believe inside
ตอนนี้ชั้นรู้แล้วล่ะว่าควรจะเชื่อมั่นในอะไร
Now it's my time
ถึงเวลาของชั้นแล้วล่ะ
I'll do what I want 'cause this is my life
ชั้นจะทำอย่างที่อยากทำ เพราะนี่คือ ชีวิตของชั้น

(Here, right now)
Right here, right now
ณ ที่นี่ ตอนนี้
Stand my ground and never back down
ชั้นจะยืน ตรงนี้ และไม่ถอยหลังกลับไป
I know what I believe inside
ชั้นรู้แล้วล่ะว่าควรจะเชื่อมั่นในอะไร
I'm awake, and I'm alive
ชั้นยังตื่นอยู่ ชั้นยังมีชีวิต

Waking up, waking up
Waking up, waking up
Waking up, waking up
Waking up, waking up


วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2554

[นอกเรื่อง] แปล Someone's watching over me - Hilary Duff [ฉบับไมล์ๆ]

เพลงนี้

หลังจากได้ฟัง

ก็ขอแปลให้ใครหลายๆคน

ที่คอยเป็นกำลังใจให้เข้มแข็งอยู่เสมอ

---------------------------------

"Someone's Watching Over Me"
Hillary Duff
Ost. Raise you voice




Found myself today
ชั้นเพิ่งรู้ตัวเองวันนี้

Oh I found myself and ran away
ชั้นรู้ตัวเองและก็วิ่งหนีมันไป

Something pulled me back
แต่บางอย่างก็ได้พาชั้นกลับมา

The voice of reason I forgot I had
เสียงของเหตุผลที่ชั้นลืมไปแล้วว่าเคยมี




All I know is you're not here to say
ทั้งหมดที่ชั้นรู้คือ ถึงเธอไม่ได้อยู่ตรงนี้เพื่อบอก

What you always used to say
สิ่งที่พูดอยู่เป็นประจำ

But it's written in the sky tonight
แต่มันได้ถูกเขียนลงบนท้องฟ้าในค่ำคืนนี้




So I won't give up
ชั้นจะไม่ยอมแพ้หรอก

No I won't break down
ไม่ ชั้นจะไม่ยอมพ่ายแพ้

Sooner than it seems life turns around
เร็วกว่าที่คิด ชีวิตชั้นก็ได้เปลี่ยนไป

And I will be strong
ชั้นจะเข้มแข้งขึ้น

Even if it all goes wrong
แม้ว่าทุกอย่างจะเริ่มเลวร้ายลง

When I'm standing in the dark I'll still believe
ถึงชั้นจะยืนอยู่ในความมืดนั้น ชั้นก็ยังเชื่อมั่น

Someone's watching over me
ว่า ยังมีใครซักคนมองมาที่ชั้น



Seen that ray of light
ดูแสงนั่นสิ

And it's shining on my destiny
มันได้สาดแสงลงมาบนโชคชะตาของชั้น

Shining all the time
ส่องลงมาตลอดเวลา

And I won’t be afraid
ชั้นจะไม่กลัวอีกต่อไป

To follow everywhere it's taking me
เพื่อจะตามแสงนั่นไปยังที่ๆจะไป

All I know is yesterday is gone
ที่ชั้นรู้คือ เมื่อวานได้ผ่านไปแล้ว

And right now I belong
และ,มีเพียงตอนนี้ที่ชั้นจะเป็นเจ้าของ

To this moment to my dreams
ทั้งความทรงจำและความฝันนี้



So I won't give up
ชั้นจะไม่ยอมแพ้หรอก

No I won't break down
ไม่ ชั้นจะไม่ยอมพ่ายแพ้

Sooner than it seems life turns around
เร็วกว่าที่คิด ชีวิตชั้นก็ได้เปลี่ยนไป

And I will be strong
ชั้นจะเข้มแข้งขึ้น

Even if it all goes wrong
แม้ว่าทุกอย่างจะเริ่มเลวร้ายลง

When I'm standing in the dark I'll still believe
ถึงชั้นจะยืนอยู่ในความมืดนั้น ชั้นก็ยังเชื่อมั่น

Someone's watching over me
ว่า ยังมีใครซักคนมองมาที่ชั้น



It doesn't matter what people say
มันไม่สำคัญหรอกว่าพวกเค้าจะพูดว่าอะไร

And it doesn't matter how long it takes
มันไม่สำคัญหรอกว่า มันจะนานซักแค่ไหน

Believe in yourself and you'll fly high
แค่เธอเชื่อในตัวเอง และเธอจะสามารถทำได้

And it only matters how true you are
มันขึ้นกับแค่ว่า เธอซื่อสัตย์ต่อตัวเองแค่ไหน

Be true to yourself and follow your heart
ซื่อสัตย์ต่อตัวเองซะ แล้วตามหัวใจของเธอไป



So I won't give up
ชั้นจะไม่ยอมแพ้หรอก

No I won't break down
ไม่ ชั้นจะไม่ยอมพ่ายแพ้

Sooner than it seems life turns around
เร็วกว่าที่คิด ชีวิตชั้นก็ได้เปลี่ยนไป

And I will be strong
ชั้นจะเข้มแข้งขึ้น

Even if it all goes wrong
แม้ว่าทุกอย่างจะเริ่มเลวร้ายลง

When I'm standing in the dark I'll still believe
ถึงชั้นจะยืนอยู่ในความมืดนั้น ชั้นก็ยังเชื่อมั่น

So I won't give up
ชั้นจะไม่ยอมแพ้หรอก

No I won't break down
ไม่ ชั้นจะไม่ยอมพ่ายแพ้

Sooner than it seems life turns around
เร็วกว่าที่คิด ชีวิตชั้นก็ได้เปลี่ยนไป

And I will be strong
ชั้นจะเข้มแข้งขึ้น

Even if it all goes wrong
แม้ว่าทุกอย่างจะเริ่มเลวร้ายลง

When I'm standing in the dark I'll still believe
ถึงชั้นจะยืนอยู่ในความมืดนั้น ชั้นก็ยังเชื่อมั่น

That someone's watching over
มีใครซักคนกำลังมอง

Someone's watching over
มีใครซักคนกำลังมอง

Someone's watching over me
ว่า ยังมีใครซักคนมองมาที่ชั้น

Someone's watching over me
ว่า ยังมีใครซักคนมองมาที่ชั้น

วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2554

[15th] my voice

นานแค่ไหนแล้วนะ ที่ได้ตะโกนออกไป

นานแค่ไหนแล้วนะ ที่เสียงไม่สะท้อนกลับ

นานแค่ไหนแล้วนะ ที่เสียงนี้ ไม่เคยมีใครได้ยิน

--------------------------

ชั้นวิ่งไปตามทางเดินที่แสนยาว

เสื้อคลุมสีดำตัวเก่งปลิวไปตามสายลม

หูฟังที่ใส่อยู่ เปล่งเสียงเบสออกมา

ในหัวคิดแค่ว่า "ต้องรีบไปแล้ว"

--------------------------

ใบไม้ที่ร่วงหล่น

ฝีเท้าที่เร่งรีบ

สิ่งที่อยากสื่อออกไป

--------------------------

เมื่อถึงที่หมาย ทุกอย่างได้ดำเนินไปแล้ว

โดย

ไม่มีชั้น

--------------------------

แอร์ที่เปิดกระหน่ำ

ดินสอที่ขีดเขียน

เสียงเล่าเรื่องราว


--------------------------


ต่อจากนั้น

ชั้นก็เพียงพูดไปตามหน้าที่

ทั้งหมดที่ได้รับการตอบกลับคือ

คำพูดที่ไม่ใส่ใจ


แล้วชั้นก็นั่งลง

ชั้นได้นั่งลงตรงนั้น

แต่ตัวตนชั้นไม่ได้อยู่ตรงนั้นเลย

--------------------------

สายลมพัดผ่าน

ตึกทั้งหลายเรียงราย

เสียงได้กลืนหายไป

--------------------------

เมื่อใครคนนึงเริ่มทำอะไรงี่เง่า

ชั้นจึงเริ่มห้ามปราม

แต่ก็ยังรั้นทำต่อไป

เมื่ออีกคนเริ่มห้ามปราม

ทุกอย่างกลับจบลงด้วยดี



ชั้นอยู่ตรงนั้น

ชั้นยืนอยู่ตรงนั้น

แต่ตัวตนของชั้นไม่เคยอยู่ตรงนั้นเลย

--------------------------

แสงแดดที่แผดเผา

กระดาษในมือ

น้ำตาที่ไหลริน

--------------------------

ชั้นก้าวผ่านสนามหญ้า

แล้วตะโกนออกไปเพื่อบอกอะไรบางอย่างที่สำคัญ



สิ่งที่กลับมา

คือ ความเงียบ



ถึงรอบตัวจะมีเสียงอึงอลมากมาย

คนทั้งหลายล้วนอยู่รอบตัว

แต่ไม่มีเสียงใดเลย

ที่ต้องการส่งมาถึงชั้น



ชั้นอยู่ตรงนั้น

ชั้นยืนอยู่ตรงนั้น

แต่ตัวตนของชั้นไม่เคยอยู่ตรงนั้น

--------------------------

นานแค่ไหนแล้วนะ ที่ได้ตะโกนออกไป

นานแค่ไหนแล้วนะ ที่เสียงไม่สะท้อนกลับ

นานแค่ไหนแล้วนะ ที่เสียงนี้ ไม่เคยมีใครได้ยิน

--------------------------
PS.just my voice

วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2554

[Special Chapter] DayWork DayBreak

หนึ่งเทอมที่ผ่านมา

--------------------------------

ชีวิตเหมือนท้องทะเล

มีทั้งพายุโหมกระหน่ำ

มีทั้งคลื่นซัดหาด

--------------------------------

ชั้นได้เห็นสิ่งต่างๆ

ความเป็นเพื่อน,

การเป็นทีมเวิร์ค,

ความสนุกสนาน,

และตัวตนของใครหลายคน



ผ่านทั้งเวลาที่เหน็ดเหนื่อย

ผ่านทั้งเวลาที่ผ่อนคลาย

ผ่านทั้งเวลาที่เคร่งเครียด

ผ่านทั้งเวลาที่หัวเราะ

--------------------------------

ครั้งนี้ให้อะไรมากมายเหลือเกิน

--------------------------------

เรื่องมันคงเริ่มที่ว่า

งานที่เข้ามาให้พวกเราทำนั้น มันมีเยอะมากมาย

จนบางครั้งแทบจะบ้าคลั่งไปกับสิ่งที่ต้องทำ


แต่การรับมือของแต่ละคน ไม่เหมือนกัน


บางคนเลือกที่จะทำงานตามที่แบ่งไว้ ให้เสร็จไป

บางคนเลือกที่จะแบกรับทั้งหมดไว้คนเดียว

บางคนเลือกที่จะรอ ให้คนอื่นทำ โดยไม่ทำอะไรเลย


ในตอนนั้น ทั้งน้ำตา และหยาดเหงื่อ ของหลายๆคน
เป็นเหมือนสิ่งเดียวกัน

--------------------------------


หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน

--------------------------------


เสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานของคนไม่ทำอะไร

เสียงถอนหายใจ ของคนที่ทำงานอย่างไม่หยุดหย่อน

รอยยิ้มอย่างสบายใจของคนที่ทำงานเสร็จตามกำหนด

น้ำตาของคนที่ทำงานล้มเหลวและไม่ทัน

--------------------------------

นั่นคือ สิ่งที่ชั้นได้ยิน

--------------------------------


คำพูดบ่นซ้ำๆ จากคนที่ เหน็ดเหนื่อย

คำปลอบโยนและให้กำลังใจ จากเพื่อนร่วมงาน

คำวิพากษ์วิจารย์ จากคนรอบตัว

และ คำแก้ตัวของคนที่ไม่ได้ทำอะไร

--------------------------------

เมื่อถึงเวลา

--------------------------------

หลายคนก้าวเท้าออกไปอย่างสง่าผ่าเผย

เนคไท เข็มขัด สคริปที่เตรียมมา และพูดออกมาอย่างฉะฉาน


หลายคนก้าวออกไปด้วยท่วงท่าที่ไร้เรี่ยวแรง

พร้อมขอบตาดำ และพูดออกมาตามสิ่งที่ได้ทำ


หลายคนก้าวออกไปด้วยท่าทีสบายๆ แต่ภายในใจร้อนรน

เพราะไม่รู้จะพูดอะไรออกมา เพราะที่ผ่านมา ไม่ได้ทำสิ่งใดเลย

--------------------------------

ผลที่ออกมา มันก็เป็นไปตามการกระทำของตัวเอง?

จริงหรือ?

--------------------------------


บางคนมีรอยยิ้ม เพราะเกรดที่ออกมาสมกับที่เตรียมการมา

บางคนยิ้มออกมา เพราะเกรดที่ออกมาคุ้มค่ากับหยาดเหงื่อที่เสียไป

บางคนมีรอยยิ้ม เพราะเกรดที่ผ่านมาได้โดยไม่ต้องเสียอะไร

แต่บางคนกลับมีน้ำตา ทั้งที่ทุ่มเททุกอย่างอย่างสุดแรง

--------------------------------

อะไรคือเหตุผล? อะไรคือความยุติธรรม?

--------------------------------

ชั้นเชื่อว่า


ความรู้ที่เรามี

ประสบการณ์ที่ได้ทำงาน



มันคงส่งผลตอบแทนกับเราซักวัน


--------------------------------

ส่วนเรื่องอื่นนั้น ไม่เป็นไรถือว่าเป็นบทเรียน

เพราะทุกอย่างสุดท้ายเราย่อมรู้อยู่แก่ใจ

--------------------------------

หลังจากนั้น

--------------------------------

หลายคน เริ่มเลือกที่จะลุกขึ้นมา เพื่อที่จะก้าวต่อไป

ในขณะที่บางคน ยังเลือกที่จะนั่งอยู่ที่เดิม เพื่อหาคนที่จะพาลุกขึ้นไป

--------------------------------

เมื่อชั้นก้าวเดินต่อไป โดยไม่หันไปมองเบื้องหลัง

ซึ่งหลายคนนั่งอยู่


เฝ้ารอคนมาพาไป

--------------------------------

ชั้นได้แต่คิดถึงคนพวกนั้น

--------------------------------

ต้องถึงเมื่อไหร่กันที่จะลุกขึ้นมา โดยไม่ต้องจับมือใคร

ต้องถึงเมื่อไหร่กันที่จะลุกขึ้นมาด้วยขาของตัวเอง

เพราะยังมีอยู่ไม่ใช่หรือ ขาที่จะพาก้าวต่อไป

--------------------------------

เมื่อไหร่กัน

--------------------------------

วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2554

[นอกเรื่อง] แปล Broken Arrow - Pixie Lott [ฉบับไมล์ๆ]

Broken Arrow - Pixie Lott

OST.Beastly



การแปลของ จขบ อาจจะไม่ถูกต้องนัก ไม่อนุญาตินำไปแปะที่ไหน

What do you do when you're stuck,
เธอจะทำอย่างไรเมื่อเธอไม่สามารถทำอะไรได้
Because the one that you love,
Has pushed you away,
เพราะว่า คนที่เธอรักนั้นได้ผลักไสเธอออกไป
And you can't deal with the pain,
และเธอไม่สามารถจัดการกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นนั้นได้

And now you're trying to fix me,
Mend what he did,
แต่ตอนนี้เธอพยายามช่วยชั้นจากสิ่งที่เค้าทำกับชั้น

I'll find the piece that i'm missing,
ตอนนี้ชั้นอาจจะเจอสิ่งที่ขาดหายไปแล้วนะ
But I still miss him,
แต่ชั้นก็ยังคิดถึงเค้า
I miss him, i'm missing him,
Oh I miss him, I miss him i'm missing him

And you're sitting in the front row,
Wanna be first in line,
เธอนั่งอยู่ตรงหน้าชั้น
และเธอก็อยากเป็นเพียงคนเดียวที่นั่งตรงหน้านี้

Sitting by my window,
Giving me all your time,
เธอนั่งลงข้างหน้าต่างของชั้น
แล้วใช้เวลาที่มีทั้งหมดของเธอไปพร้อมกับชั้น

You could be my hero,
เธออาจจะเป็นคนที่ช่วยชั้นออกไปได้นะ อาจเป็นฮีโร่ของชั้น

If only I could let go,
But his love has still hit me,
ถ้าเพียงแค่ชั้นปล่อยไปซะ
แต่ความรักของเค้ายังกระหน่ำลงมาทำร้ายชั้น

Like a broken arrow.
Like a broken arrow.
เหมือนกับว่า ชั้นสูญเสียสิ่งสำคัญไปแล้วสินะ

He's the thorn in my flesh
That I can't take out
เค้าเหมือนหนามที่ทิ่มแทงลงไปในเนื้อหนังของชั้น
ที่ชั้นไม่สามารถถอนเอามันออกไปได้

He's stealing my breath
When you're around,
เขาได้ขโมยลมหายใจชั้นไปแล้ว
แม้ว่าเธอจะอยู่ข้างกายชั้นก็ตาม

And now you're trying to convince me,
He wasn't worth it,
และตอนนี้เธอพยายามทำให้ชั้นเชื่อ
ทำให้ชั้นเชื่อว่า เค้าไม่มีค่าพอกับความรักของชั้น

But you can't complete me,
It's the thought that he's missing,
แต่เธอก็ไม่สามารถเติมเต็มชั้นได้
เพราะในความคิดของชั้นนั้น เค้าคือส่วนที่ขาดหาย

I miss him, I'm missing him,
Oh I miss him I miss him, i'm missing him,
ชั้นคิดถึงเค้า

And you're sitting in the front row,
Wanna be first in line,
เธอนั่งอยู่ตรงหน้าชั้น
และเธอก็อยากเป็นเพียงคนเดียวที่นั่งตรงหน้านี้

Sitting by my window,
Giving me all your time,
เธอนั่งลงข้างหน้าต่างของชั้น
แล้วใช้เวลาที่มีทั้งหมดของเธอไปพร้อมกับชั้น

You could be my hero,
เธออาจจะเป็นคนที่ช่วยชั้นออกไปได้นะ อาจเป็นฮีโร่ของชั้น

If only I could let go,
But his love has still hit me,
ถ้าเพียงแค่ชั้นปล่อยไปซะ
แต่ความรักของเค้ายังกระหน่ำลงมาทำร้ายชั้น

Like a broken arrow.
Like a broken arrow.
เหมือนกับว่า ชั้นสูญเสียสิ่งสำคัญไปแล้วสินะ

What do you do
When your hearts in two places?
เธอจะทำอย่างไร หากใจของเธอแบ่งเป็นสอง

You feel great but you're torn inside.
You feel love but you just can't embrace it,
เธออาจจะรู้สึกดี แต่ภายในนั้นถูกฉีกกระชาก
เธออาจจะรู้สึกถึงความรัก แต่เธอไม่สามารถโอบกอดมันไว้

When you found the right one at the wrong time.
เมื่อเธอเจอคนที่ใช่ ในเวลาที่ผิด


And you're sitting in the front row,
Wanna be first in line,
เธอนั่งอยู่ตรงหน้าชั้น
และเธอก็อยากเป็นเพียงคนเดียวที่นั่งตรงหน้านี้

Sitting by my window,
Giving me all your time,
เธอนั่งลงข้างหน้าต่างของชั้น
แล้วใช้เวลาที่มีทั้งหมดของเธอไปพร้อมกับชั้น

You could be my hero,
เธออาจจะเป็นคนที่ช่วยชั้นออกไปได้นะ อาจเป็นฮีโร่ของชั้น

If only I could let go,
But his love has still hit me,
ถ้าเพียงแค่ชั้นปล่อยไปซะ
แต่ความรักของเค้ายังกระหน่ำลงมาทำร้ายชั้น

Like a broken arrow.
Like a broken arrow.
เหมือนกับว่า ชั้นสูญเสียสิ่งสำคัญไปแล้วสินะ

วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

[14th] ถึงความว่างเปล่าสีขาว

ความว่างเปล่าสีขาว

เธอยังจำได้ไหม

เรื่องราวที่เราผ่านมาด้วยกัน
--------------------

นานมาแล้ว ที่ชั้นเริ่มออกเดินทางเพื่อค้นหาคำตอบ

ผ่านทั้งความหนาวเหน็บในเดือนเมษา

และความร้อนลนในเดือนมกรา

เดินฝ่าพายุท่ามกลางเดือนธันวา

ร้องไห้กับสายฝนในเดือนมิถุนายน


ความว่างเปล่าสีขาว

ทุกๆครั้งที่ชั้นพบเจอเรื่องราวเหล่านั้น

มันทำให้ชั้นสนิทกับเธอมากขึ้น

--------------------

แต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา

เธอกลับหายไป

--------------------

และในตอนนี้เมื่อหิมะตกโปรยปราย ในเดือนกุมภา

เธอได้กลับมาหาชั้นอีกครั้ง

ความว่างเปล่าสีขาว

เธอรู้มั้ย ชั้นเคยมีแต่เสียใจที่เธอมา


แต่ตอนนี้ชั้นจะไม่มีคำว่า เสียใจ อีกต่อไป

ชั้นจะยินดีต้อนรับการกลับมาของเธอ

ด้วยความเต็มใจ

เพราะชั้นพร้อมจะก้าวเดินไปกับเธอ

จนกว่าเธอจะถึงจุดหมาย ที่เธอจะจากชั้นไป

และชั้นก้าวเดินต่อไปได้โดยไม่ย่อท้อต่อสิ่งใดอีกต่อไป


ขอให้หิมะในวันนี้ เติมเต็มทุกความว่างเปล่า ถมทิ้งทุกความเสียใจ

และให้ทุกย่างก้าวของชั้นหนักแน่น


ให้พร้อมที่จะก้าวต่อไปยังปลายทางของชั้นเอง

--------------------

ที่ๆซักวัน หน้าร้อน ที่สายลมพัดโชย

และใบหญ้าพริ้วไหวนั้น

กลับมาหาชั้นอีกครั้งหนึ่ง

วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

[13th] เหนือผิวน้ำผืนนั้น

ณ จุดหมายปลายทางนั้น ชั้นยังไม่สามารถเห็นสิ่งใด

---------------------------------

สายลมที่พัดผ่าน นัยน์ตาสีครามทอดไปไกล

เสียงสะท้อน ก้องไปทั่วทั้งผืนน้ำ

มีเพียงชั้นที่ยืนอยู่ตรงนี้

ที่สดับรับฟังทุกเสียงที่เข้ามา

---------------------------------

เสียงแรก

---------------------------------

ผิวน้ำนั้นสะท้อนระลอกคลื่นอย่างแผ่วเบา

เสียงนั้นกระซิบออกมา

ความเจ็บปวดของเธอนั้น ทิ้งมันไป

แล้วอย่าหันหลังกลับไปมอง

---------------------------------

เสียงที่สอง

---------------------------------

ผิวน้ำนั้นเรียบนิ่ง ราวกับไร้เสียงใด

หมอกลอยละล่อง เหนือผิวน้ำ

แต่เสียงที่มานั้น ถึงกับสั่นสะท้าน

เสียงนั้นบอกว่า

ในใจของเค้านั้น ยังมีที่ๆชั้นยืนอยู่

---------------------------------

เสียงที่สาม

---------------------------------

ผิวน้ำนั้นบ้าคลั่ง ราวกับอยู่ท่ามกลางพายุ

เสียงนั้นเสียดหู ราวกับบทเพลงที่ไร้ความประสาน

เสียงนั้นบอกว่า

ที่นั้น ไม่เคยมีชั้นอยู่ มีแต่ความรู้สึก

หวงสิ่งของที่ตนเคยมี

และกำลังจะโดนแย่งชิงไป

---------------------------------

เสียงสุดท้าย

---------------------------------

ผิวน้ำนิ่งใสราวกับกระจก

เสียงที่ลังเลเอ่ยออกมา

ภายใต้คำถามที่กดดันลงไป

ว่า

"ใช่ เราเพื่อนกัน"