วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2554

[นอกเรื่อง] แปล Someone's watching over me - Hilary Duff [ฉบับไมล์ๆ]

เพลงนี้

หลังจากได้ฟัง

ก็ขอแปลให้ใครหลายๆคน

ที่คอยเป็นกำลังใจให้เข้มแข็งอยู่เสมอ

---------------------------------

"Someone's Watching Over Me"
Hillary Duff
Ost. Raise you voice




Found myself today
ชั้นเพิ่งรู้ตัวเองวันนี้

Oh I found myself and ran away
ชั้นรู้ตัวเองและก็วิ่งหนีมันไป

Something pulled me back
แต่บางอย่างก็ได้พาชั้นกลับมา

The voice of reason I forgot I had
เสียงของเหตุผลที่ชั้นลืมไปแล้วว่าเคยมี




All I know is you're not here to say
ทั้งหมดที่ชั้นรู้คือ ถึงเธอไม่ได้อยู่ตรงนี้เพื่อบอก

What you always used to say
สิ่งที่พูดอยู่เป็นประจำ

But it's written in the sky tonight
แต่มันได้ถูกเขียนลงบนท้องฟ้าในค่ำคืนนี้




So I won't give up
ชั้นจะไม่ยอมแพ้หรอก

No I won't break down
ไม่ ชั้นจะไม่ยอมพ่ายแพ้

Sooner than it seems life turns around
เร็วกว่าที่คิด ชีวิตชั้นก็ได้เปลี่ยนไป

And I will be strong
ชั้นจะเข้มแข้งขึ้น

Even if it all goes wrong
แม้ว่าทุกอย่างจะเริ่มเลวร้ายลง

When I'm standing in the dark I'll still believe
ถึงชั้นจะยืนอยู่ในความมืดนั้น ชั้นก็ยังเชื่อมั่น

Someone's watching over me
ว่า ยังมีใครซักคนมองมาที่ชั้น



Seen that ray of light
ดูแสงนั่นสิ

And it's shining on my destiny
มันได้สาดแสงลงมาบนโชคชะตาของชั้น

Shining all the time
ส่องลงมาตลอดเวลา

And I won’t be afraid
ชั้นจะไม่กลัวอีกต่อไป

To follow everywhere it's taking me
เพื่อจะตามแสงนั่นไปยังที่ๆจะไป

All I know is yesterday is gone
ที่ชั้นรู้คือ เมื่อวานได้ผ่านไปแล้ว

And right now I belong
และ,มีเพียงตอนนี้ที่ชั้นจะเป็นเจ้าของ

To this moment to my dreams
ทั้งความทรงจำและความฝันนี้



So I won't give up
ชั้นจะไม่ยอมแพ้หรอก

No I won't break down
ไม่ ชั้นจะไม่ยอมพ่ายแพ้

Sooner than it seems life turns around
เร็วกว่าที่คิด ชีวิตชั้นก็ได้เปลี่ยนไป

And I will be strong
ชั้นจะเข้มแข้งขึ้น

Even if it all goes wrong
แม้ว่าทุกอย่างจะเริ่มเลวร้ายลง

When I'm standing in the dark I'll still believe
ถึงชั้นจะยืนอยู่ในความมืดนั้น ชั้นก็ยังเชื่อมั่น

Someone's watching over me
ว่า ยังมีใครซักคนมองมาที่ชั้น



It doesn't matter what people say
มันไม่สำคัญหรอกว่าพวกเค้าจะพูดว่าอะไร

And it doesn't matter how long it takes
มันไม่สำคัญหรอกว่า มันจะนานซักแค่ไหน

Believe in yourself and you'll fly high
แค่เธอเชื่อในตัวเอง และเธอจะสามารถทำได้

And it only matters how true you are
มันขึ้นกับแค่ว่า เธอซื่อสัตย์ต่อตัวเองแค่ไหน

Be true to yourself and follow your heart
ซื่อสัตย์ต่อตัวเองซะ แล้วตามหัวใจของเธอไป



So I won't give up
ชั้นจะไม่ยอมแพ้หรอก

No I won't break down
ไม่ ชั้นจะไม่ยอมพ่ายแพ้

Sooner than it seems life turns around
เร็วกว่าที่คิด ชีวิตชั้นก็ได้เปลี่ยนไป

And I will be strong
ชั้นจะเข้มแข้งขึ้น

Even if it all goes wrong
แม้ว่าทุกอย่างจะเริ่มเลวร้ายลง

When I'm standing in the dark I'll still believe
ถึงชั้นจะยืนอยู่ในความมืดนั้น ชั้นก็ยังเชื่อมั่น

So I won't give up
ชั้นจะไม่ยอมแพ้หรอก

No I won't break down
ไม่ ชั้นจะไม่ยอมพ่ายแพ้

Sooner than it seems life turns around
เร็วกว่าที่คิด ชีวิตชั้นก็ได้เปลี่ยนไป

And I will be strong
ชั้นจะเข้มแข้งขึ้น

Even if it all goes wrong
แม้ว่าทุกอย่างจะเริ่มเลวร้ายลง

When I'm standing in the dark I'll still believe
ถึงชั้นจะยืนอยู่ในความมืดนั้น ชั้นก็ยังเชื่อมั่น

That someone's watching over
มีใครซักคนกำลังมอง

Someone's watching over
มีใครซักคนกำลังมอง

Someone's watching over me
ว่า ยังมีใครซักคนมองมาที่ชั้น

Someone's watching over me
ว่า ยังมีใครซักคนมองมาที่ชั้น

วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2554

[15th] my voice

นานแค่ไหนแล้วนะ ที่ได้ตะโกนออกไป

นานแค่ไหนแล้วนะ ที่เสียงไม่สะท้อนกลับ

นานแค่ไหนแล้วนะ ที่เสียงนี้ ไม่เคยมีใครได้ยิน

--------------------------

ชั้นวิ่งไปตามทางเดินที่แสนยาว

เสื้อคลุมสีดำตัวเก่งปลิวไปตามสายลม

หูฟังที่ใส่อยู่ เปล่งเสียงเบสออกมา

ในหัวคิดแค่ว่า "ต้องรีบไปแล้ว"

--------------------------

ใบไม้ที่ร่วงหล่น

ฝีเท้าที่เร่งรีบ

สิ่งที่อยากสื่อออกไป

--------------------------

เมื่อถึงที่หมาย ทุกอย่างได้ดำเนินไปแล้ว

โดย

ไม่มีชั้น

--------------------------

แอร์ที่เปิดกระหน่ำ

ดินสอที่ขีดเขียน

เสียงเล่าเรื่องราว


--------------------------


ต่อจากนั้น

ชั้นก็เพียงพูดไปตามหน้าที่

ทั้งหมดที่ได้รับการตอบกลับคือ

คำพูดที่ไม่ใส่ใจ


แล้วชั้นก็นั่งลง

ชั้นได้นั่งลงตรงนั้น

แต่ตัวตนชั้นไม่ได้อยู่ตรงนั้นเลย

--------------------------

สายลมพัดผ่าน

ตึกทั้งหลายเรียงราย

เสียงได้กลืนหายไป

--------------------------

เมื่อใครคนนึงเริ่มทำอะไรงี่เง่า

ชั้นจึงเริ่มห้ามปราม

แต่ก็ยังรั้นทำต่อไป

เมื่ออีกคนเริ่มห้ามปราม

ทุกอย่างกลับจบลงด้วยดี



ชั้นอยู่ตรงนั้น

ชั้นยืนอยู่ตรงนั้น

แต่ตัวตนของชั้นไม่เคยอยู่ตรงนั้นเลย

--------------------------

แสงแดดที่แผดเผา

กระดาษในมือ

น้ำตาที่ไหลริน

--------------------------

ชั้นก้าวผ่านสนามหญ้า

แล้วตะโกนออกไปเพื่อบอกอะไรบางอย่างที่สำคัญ



สิ่งที่กลับมา

คือ ความเงียบ



ถึงรอบตัวจะมีเสียงอึงอลมากมาย

คนทั้งหลายล้วนอยู่รอบตัว

แต่ไม่มีเสียงใดเลย

ที่ต้องการส่งมาถึงชั้น



ชั้นอยู่ตรงนั้น

ชั้นยืนอยู่ตรงนั้น

แต่ตัวตนของชั้นไม่เคยอยู่ตรงนั้น

--------------------------

นานแค่ไหนแล้วนะ ที่ได้ตะโกนออกไป

นานแค่ไหนแล้วนะ ที่เสียงไม่สะท้อนกลับ

นานแค่ไหนแล้วนะ ที่เสียงนี้ ไม่เคยมีใครได้ยิน

--------------------------
PS.just my voice

วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2554

[Special Chapter] DayWork DayBreak

หนึ่งเทอมที่ผ่านมา

--------------------------------

ชีวิตเหมือนท้องทะเล

มีทั้งพายุโหมกระหน่ำ

มีทั้งคลื่นซัดหาด

--------------------------------

ชั้นได้เห็นสิ่งต่างๆ

ความเป็นเพื่อน,

การเป็นทีมเวิร์ค,

ความสนุกสนาน,

และตัวตนของใครหลายคน



ผ่านทั้งเวลาที่เหน็ดเหนื่อย

ผ่านทั้งเวลาที่ผ่อนคลาย

ผ่านทั้งเวลาที่เคร่งเครียด

ผ่านทั้งเวลาที่หัวเราะ

--------------------------------

ครั้งนี้ให้อะไรมากมายเหลือเกิน

--------------------------------

เรื่องมันคงเริ่มที่ว่า

งานที่เข้ามาให้พวกเราทำนั้น มันมีเยอะมากมาย

จนบางครั้งแทบจะบ้าคลั่งไปกับสิ่งที่ต้องทำ


แต่การรับมือของแต่ละคน ไม่เหมือนกัน


บางคนเลือกที่จะทำงานตามที่แบ่งไว้ ให้เสร็จไป

บางคนเลือกที่จะแบกรับทั้งหมดไว้คนเดียว

บางคนเลือกที่จะรอ ให้คนอื่นทำ โดยไม่ทำอะไรเลย


ในตอนนั้น ทั้งน้ำตา และหยาดเหงื่อ ของหลายๆคน
เป็นเหมือนสิ่งเดียวกัน

--------------------------------


หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน

--------------------------------


เสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานของคนไม่ทำอะไร

เสียงถอนหายใจ ของคนที่ทำงานอย่างไม่หยุดหย่อน

รอยยิ้มอย่างสบายใจของคนที่ทำงานเสร็จตามกำหนด

น้ำตาของคนที่ทำงานล้มเหลวและไม่ทัน

--------------------------------

นั่นคือ สิ่งที่ชั้นได้ยิน

--------------------------------


คำพูดบ่นซ้ำๆ จากคนที่ เหน็ดเหนื่อย

คำปลอบโยนและให้กำลังใจ จากเพื่อนร่วมงาน

คำวิพากษ์วิจารย์ จากคนรอบตัว

และ คำแก้ตัวของคนที่ไม่ได้ทำอะไร

--------------------------------

เมื่อถึงเวลา

--------------------------------

หลายคนก้าวเท้าออกไปอย่างสง่าผ่าเผย

เนคไท เข็มขัด สคริปที่เตรียมมา และพูดออกมาอย่างฉะฉาน


หลายคนก้าวออกไปด้วยท่วงท่าที่ไร้เรี่ยวแรง

พร้อมขอบตาดำ และพูดออกมาตามสิ่งที่ได้ทำ


หลายคนก้าวออกไปด้วยท่าทีสบายๆ แต่ภายในใจร้อนรน

เพราะไม่รู้จะพูดอะไรออกมา เพราะที่ผ่านมา ไม่ได้ทำสิ่งใดเลย

--------------------------------

ผลที่ออกมา มันก็เป็นไปตามการกระทำของตัวเอง?

จริงหรือ?

--------------------------------


บางคนมีรอยยิ้ม เพราะเกรดที่ออกมาสมกับที่เตรียมการมา

บางคนยิ้มออกมา เพราะเกรดที่ออกมาคุ้มค่ากับหยาดเหงื่อที่เสียไป

บางคนมีรอยยิ้ม เพราะเกรดที่ผ่านมาได้โดยไม่ต้องเสียอะไร

แต่บางคนกลับมีน้ำตา ทั้งที่ทุ่มเททุกอย่างอย่างสุดแรง

--------------------------------

อะไรคือเหตุผล? อะไรคือความยุติธรรม?

--------------------------------

ชั้นเชื่อว่า


ความรู้ที่เรามี

ประสบการณ์ที่ได้ทำงาน



มันคงส่งผลตอบแทนกับเราซักวัน


--------------------------------

ส่วนเรื่องอื่นนั้น ไม่เป็นไรถือว่าเป็นบทเรียน

เพราะทุกอย่างสุดท้ายเราย่อมรู้อยู่แก่ใจ

--------------------------------

หลังจากนั้น

--------------------------------

หลายคน เริ่มเลือกที่จะลุกขึ้นมา เพื่อที่จะก้าวต่อไป

ในขณะที่บางคน ยังเลือกที่จะนั่งอยู่ที่เดิม เพื่อหาคนที่จะพาลุกขึ้นไป

--------------------------------

เมื่อชั้นก้าวเดินต่อไป โดยไม่หันไปมองเบื้องหลัง

ซึ่งหลายคนนั่งอยู่


เฝ้ารอคนมาพาไป

--------------------------------

ชั้นได้แต่คิดถึงคนพวกนั้น

--------------------------------

ต้องถึงเมื่อไหร่กันที่จะลุกขึ้นมา โดยไม่ต้องจับมือใคร

ต้องถึงเมื่อไหร่กันที่จะลุกขึ้นมาด้วยขาของตัวเอง

เพราะยังมีอยู่ไม่ใช่หรือ ขาที่จะพาก้าวต่อไป

--------------------------------

เมื่อไหร่กัน

--------------------------------